กรุงเทพฯ 5 พ.ค.- ประธานบริหาร บริษัทเดลต้า อิเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) เผยปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่กระทบต่อยอดขายและออเดอร์
นายแจ็คกี้ จาง ประธานบริหาร บริษัทเดลต้า อิเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) เผยว่า ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบต่อบริษัท เช่นเดียวกับหลายบริษัท ตั้งแต่ไตรมาสที่4/2563 จากปัจจัยต่างๆ เช่นความต้องการของตลาด และค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่า แต่ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกลชิดกับพันธมิตร บริษัทสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมัประสิทธิภาพ โดยมีผลกระทบน้อยต่อรายได้ไตรมาสที่1/2564
รายงานล่าสุดจากIMF เดือนเมษายนคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ในปี2564และปี2565 โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว การผลิตทั่วโลกฟื้นตัว ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดย อุตสาหกรรมยานยนต์และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผลพวงจากกิจกรรมการทำงานทางไกลและการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน
ตลาดหลักของบริษัทอยู่ในประเทศพัฒนาแล้วเช่นสหรฐัอเมริกา และยุโรปและเกี่ยวข้องกับ ICTและยานยนต์ดังนั้น เดลต้าประเทศไทยจึง คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวดังกล่าว เห็นได้จาก ผลการดำเนินงานในไตรมาสท่ี 1/2564 โดยแหล่งที่มาของรายได้หลักของบริษัทได้แก่ โซลูชันระบบอัติโนมัติ สำหรับภาคการผลิต HVAC (การทำความร้อนการระบายอากาศการปรับอากาศ)และการจัดการพลังงาน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศอินเดียมีความรุนแรงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทในเมือง Krishnagiri ต้องล่าช้าออกไป คาดว่าต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วงไตรมาส 2/65 จากเดิมคาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 4/64 ส่วนโรงงานแห่งที่ 7 ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง อาจได้รับผลกระทบโควิด-19 ระลอก 3 เล็กน้อย ทำให้ต้องเลื่อนไปเปิดในช่วงไตรมาส 4/64 จากกำหนดเดิมในไตรมาส 3/64 การเลื่อนเปิดโรงงานแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตคงไม่กระทบต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้มากนัก โดยยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากรายได้ในช่วงไตรมาส 1/2564 ยังเติบโตได้ดี จากความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่มีผู้ผลิตส่งคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตให้กับบริษัทในปีนี
ส่วนรายได้จากกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แม้จะมีความท้าทายจากการขาดแคลวัตถุดิบทั่วโลด และความล่าช้า เนื่องจากความต้องการรถยนต์นำทางอัตโนมัติ(AGV)และ เคริ่องชารจ์แบบไร้สายสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ที่มีมากขึ้น ทีมงานประสบความสาเร็จในการเปิดตัวเครื่องชารจ์AGV ที่ควบคุมด้วย Ethernet เครื่องแรก ซึ่งเป็นที่ต้องการของบริษัท เทคโนโลยที ที่มุ่งเน้นการขายในตลาดe-commerce
รายได้ไตรมาส 1 ของปีนี้อยู่ที่ 19040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป็นพาวเวอร์ซับพลายประเภทเครื่องมือช่าง Cloud storage และผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,370 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.2 ของรายได้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 164.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส1ปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิของบริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
น.ส.กุลวดี กวยาวงศ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เดลต้า อีเลค โทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) เผยว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีการวางแผนในระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสที่จะเกิดขึ้น สินค้าของบริษัททั้งหมด มุ่งเน้นไปที่ Green energy Alternative engery เพื่อใช้ทรัพยากรให้น้องลง และใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปีนี้จะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มยอดขายให้ดีขึ้นตามไปด้วย คาดว่าครึ่งปีหลังลักษณะธุรกิจ และการเติบโต จะมีความคล้ายคลึงกับครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ วัตถุดิบขึ้นราคา และการขาดแคลนวัตถุดิบต่อออเดอร์ที่จะได้รับ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะกระทบมากน้อยเพียงใด แต่เท่าที่เห็นในไตรมาส1/2564โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อยอดขายและออเดอร์ แต่กลับเห็นออเดอร์เข้ามาอย่างกระชั้นชิด ซึ่งเป็นตัวเลขค่อนข้างมาก แต่เราต้องระมัดระวังในการรับออเดอร์เหล่านี้ เพราะมันหมายถึงต้นทุนที่จะเพิ่มสูงขึ้น เรื่องจากไม่ได้อยู่ในแผนที่วางเอาไว้.-สำนักข่าวไทย