นนทบุรี 5 พ.ค.-อัตราเงินเฟ้อ เม.ย.64 ก้าวกระโดดสูงสุดรอบ 8 ปี 4 เดือน บวกร้อยละ 3.41 จากราคานำ้มันสูง กลุ่มอาหารสดขึ้นจากเหตุหมดมาตรการช่วยเหลือภาครัฐโดยเฉพาะชดเชยไฟฟ้า แถมเป็นช่วงคนเดินทางกลับบ้านมาก และทิศทางส่งออกดี แต่ต้องติดตามผลกระทบโควิดละลอกใหม่น่าจะส่งผลกระทบเงินเฟ้อ พค แน่
นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าหรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ เงินเฟ้อเดือนเมษายน 2564 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนสูงก้าวกระโดดสูงสุดในรอบ 8 ปีร้อยละ 3.41 หลังจากเดือนก่อนติดลบต่อเนื่องในรอบ 14 เดือน สาเหตุหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายน 64 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด มาจากกลุ่มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาน้ำมันภายในประเทศปรับเพิ่มขึ้นมาหลายรอบ ประกอบกับกลุ่มอาหารสดทั้งสุกร ไก่ รวมถึงผัดสดชนิดต่างๆสูงขึ้นมาจากความต้องการบริโภคในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีวัดหยุดยาวมาก แม้จะไม่ได้มีเทศกาลสงกรานต์แต่คนส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านทำให้ความต้องการอาหารสดต่างๆปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ อีกเหตุผลที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายนปรับสูงขึ้นมาก คือ หมดจากมาตรการภาครัฐโดยเฉพาะการขดเชยไฟฟ้า น้ำประปาเป็นต้น ดังนั้น ทิศทางเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม 64 และในเดือนถัดๆไปจะต้องติดตามดูว่าภาครัฐจะออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนทั้งประเทศจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ละลอกที่ 3 นี้อย่างไร โดยเฉพาะการชดเชยค่าไฟฟ้า ประปา และอื่นๆหรือไม่และยาวนานแต่ไหน หากแนวทางชดเชยไม่ยาวนานทิศทางอัตราเงินเฟ้ออาจจะไม่สูงขึ้นมาก จึงต้องติดตามดูว่ามาตรการที่ภาครัฐจะออกมานั่นอย่างไร โดยคาดการณ์หากยังไม่มีมาตรการออกมาชดเชยจากภาครัฐในเดือนพฤษภาคมนี้ โอกาสอัตราเงินเฟ้ออาจจะสูงกว่านี้ แต่หากมีมาตรการออกมาเงินเฟ้อน่าจะบวกได้เพียงแค่ร้อยละ 1-1.5 เท่านั้น
ทั้งนี้ สนค.คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 64 จะเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.7 โดยมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งมีปัจจัยจีดีพีของประเทศติดบวกร้อยละ 3.5-4.5 อัตราแลกเปลี่ยน 30.0-32.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่โดยรวมคงต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐที่จะออกมา หากมีต่อเนื่องโอกาสเงินเฟ้อทั้งปี 64 อาจจะต้องพิจารณาปรับประมาณการณ์เงินเฟ้อกันใหม่ แต่คงต้องรอดูความชัดเจนต่างอีกครั้งหนึ่ง .-สำนักข่าวไทย