คิกออฟ! ถนนใช้ความเร็ว 120 กม. ที่พร้อมในเดือนนี้

กรุงเทพฯ 11 มี.ค. -“ศักดิ์สยาม” เผยคิกออฟเพิ่มความเร็ว 120 กม./ชม. บนถนนสายเอเชีย “ช่วงทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง” ระยะทาง 50 กม. ภายในเดือนนี้ พร้อม สั่ง ทล.-ทช. สแกนถนน 4 เลน-มีเกาะกลางทั่วประเทศ 12,000 กม. ก่อนทยอยประกาศใช้ต่อไป


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกฎกระทรวง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ. 2564 หลังจากเว็บไซต์วานนี้ (10 มี.ค. 2564) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงดังกล่าวว่า การประกาศกฎกระทรวงดังกล่าวนั้น ถือเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคม ในการดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร และการเดินทางของประชาชนในปัจจุบัน ให้มีความสะดวก รวดเร็ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัย

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้บูรณาการร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.), กรมทางหลวงชนบท (ทช.), สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินการนโยบายดังกล่าว ให้เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม แม้กฎกระทรวงประกาศออกมาแล้วนั้น จะยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที ซึ่งจะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการก่อน ภายหลังที่ผู้อำนวยการทางหลวงออกประกาศว่า ถนนเส้นใดสามารถใช้ความเร็วตามกฎกระทรวงประกาศได้


นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในเบื้องต้น จะนำร่องทดลอง (คิกออฟ) ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) ตามที่กฎกระทรวงกำหนด ในเส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงบริเวณหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง กม. ที่ 4+100-50+000 ระยะทางประมาณ 50 กม. โดยจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน มี.ค.นี้ และจะทยอยประกาศเพิ่มมากขึ้นในอนาคต พร้อมกันนี้ ได้เตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษา หรือสถาบันการศึกษา เพื่อประเมินผลการดำเนินการดังกล่าวด้วย โดยต้องการดำเนินนโยบายดังกล่าวให้แล้วเสร็จครบทั้งหมดภายในปี 2564

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำรวจเส้นทางถนนของแขวงทางหลวง และแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศกว่า 12,000 กม. ที่มี 4 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนน และไม่มีจุดกลับรถ หรือจุดตัดเสมอเส้นทางว่า มีเส้นทางใด และช่วงไหนบ้าง ที่มีความเหมาะสมสามารถประกาศให้ใช้ตามกฎกระทรวงฯ ได้ และให้สรุปส่งข้อมูลมาให้กระทรวงภายในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค. 2564) ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป รวมถึงในการประชุมดังกล่าว จะมีการพิจารณาร่วมกับ สตช. ในการกำหนดบทลงโทษตามกฎหมาย ประกอบกับการออกประกาศ ขบ. ในความผิดไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร สามารถมีผลต่อการต่อใบอนุญาต

“หัวใจสำคัญชองเรื่องนี้ คือการทำความเข้าใจ และความร่วมมือของประชาชน ในการรักษากติกา ระเบียบ และกฎหมาย โดยยึดหลักของความปลอดภัย ซึ่งหลักการง่ายๆ จะต้องดูป้ายจราจรเป็นหลัก นอกจากนี้ ประชาชนสามารถช่วยกันรายงานหากพบมีการกระทำความผิด โดยการถ่ายภาพและรายงานมาได้ เพื่อความปลอดภัย และช่วยกัน ซึ่งยืนยันว่า อยู่ภายใต้การดำเนินการได้” นายศักดิ์สยาม กล่าว


นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ พร้อมทั้งติดตั้งป้ายจราจรบอกความเร็วในเส้นทางที่ประกาศตามกฎกระทรวงฯ ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้นั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานประสานมายัง ขบ. โดยจะใช้งบประมาณจากกองทุนความปลอดภัยทางถนน (กปถ.) มาดำเนินการ

ส่วนเส้นทางที่ใช้ความเร็วตามที่กฎกระทรวงกำหนดนั้น ก่อนถึงการเข้าสู่เขตจำกัดความเร็ว จะมีป้ายแจ้งเตือน รวมถึงจะมีการตีเส้นจราจรที่ตีขวางบนถนนเป็นแถบๆ (Rumble Strip) ใช้สำหรับเตือนคนขับรถถึงลักษณะสภาพถนนที่เปลี่ยนไป โดยจะมีการสั่นสะเทือนบนตัวรถ เพื่อแจ้งว่า ได้เข้าสู่เขตใช้ความเร็วเป็นพื้นสีเขียว และก่อนออกจากช่วงบังคับใช้ความเร็ว จะมีเป็นพื้นสีเหลือง และเมื่อออกจากเขตบังคับใช้จะเป็นสีแดง นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ ทล. และ ทช. สำรวจ เพื่อสร้างสะพานลอย เพื่อให้ประชาชนเดินข้าม รวมถึงรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) และรถจักรยาน ในส่วนของรถยนต์ให้ใช้สะพานกลับรถ

ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทไว้ดังนี้ 1.รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารมีที่นั่งคนโดยสารเกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม., รถขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม., รถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. เว้นแต่รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม.

ขณะที่ รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม., รถโดยสารที่มีที่นั่งโดยสารเกิน 7 คนแต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม., รถแทรกเตอร์ รถบดถนน หรือรถใช้งานเกษตรกรรม ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. และรถอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ทั้งนี้ หากรถอยู่ในช่องเดินรถขวาสุด ต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้น มีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น ทั้งนี้ หากในทางเดินรถมีเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตราย หรือเขตให้ขับรถช้าๆ ให้ลดความเร็วลง และเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร และในกรณีที่ทางเดินรถ หรือช่องเดินรถใด มีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วต่ำกว่าอัตราที่กำหนด ให้ใช้ความเร็วไม่เกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) ทางหลวงและทางหลวงชนบท จะเสนอเส้นทางเพิ่มเติมทั่วประเทศที่จะให้รถสามารถวิ่งทำความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.บนถนน 4ช่องจราจรขึ้นไปกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และในวันจันทร์ที่ 15 มี.ค.จะสรุปว่ามีเส้นทางไหนบ้างที่สามารถดำเนินการได้เพิ่ม เบื้องต้นในปี 64 นอกจากนำร่องที่เส้นทางทางหลวงหมายเลข 32 (อยุธยา-อ่างทอง)ระยะทาง 50 กม.แล้ว ในระยะที่ 2 จะเริ่มที่ทางหลวงหมายเลข 32 (อยุธยา-อ่างทอง) ระยะทางกม. 50-113 , ส่วนระยะที่3 จะเริ่มในปี 65 ที่ทางหลวงหมายเลข 32 (ชัยนาท-นครสวรรค์) ระหว่าง กม.115-150 และทางหลวงหมายเลข35 (สมุทรสงคราม-ปากท่อ)ระหว่างกม.ที่ 60-82

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปทางหลวงจะเร่งสรุปเส้นทางหลวง ที่จะให้วิ่งไม่เกิน 120 กม./ชม. เพิ่มเพื่อให้ในปี 64 มีเส้นทางเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันทล. จะเร่งทำป้ายบอกความเร็ว ป้ายอัจฉริยะอัตโนมัติ รวมถึงการทำเครื่องหมายบนผิวทางถนนหลวง เพื่อให้ทราบว่าเลนดังกล่าวเข้า และออก สามารถวิ่งทำความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม./ชม.ได้ นอกจากนั้น ทล.จะเร่งสำรวจจุดเพื่อสร้างสะพานลอยคนข้าม และ มอเตอร์ไซค์ข้าม ในเส้นทางดังกล่าวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยนั้น จะใช้งบประมาณจากจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน(กปถ.) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]