TMB ประเมินแนวโน้มสินค้าเกษตรปี 64 ฟื้น

กรุงเทพฯ 5 มี.ค.- ธนาคารทหารไทย ประเมินสินค้าเกษตรปีนี้ฟื้นตัวจากปีที่แล้ว มูลค่ารวมเกือบ 900,000 ล้านบาท โดยเนื้อสัตว์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา มันสำปะหลัง จะราคาดี แต่ข้าวราคาจะทรงตัว


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา สถานการณ์ภาคเกษตรไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 น้อยกว่าภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ เพราะว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญในสินค้าเพื่อบริโภคอุปโภค ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงให้ความต้องการของสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น และทำให้ราคาปรับขึ้นเป็นส่วนใหญ่ สร้างรายได้ภาคเกษตรไทยกว่า 8.75 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากสินค้าพืชหลัก ได้แก่ ข้าว ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สินค้าจากการประมง และกลุ่มการเลี้ยงไก่ สุกร แต่แนวโน้มผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มลดลง จะช่วยให้ตลาดในประเทศและตลาดส่งออกของไทยมีความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น 

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ของภาคเกษตรในปี 2564 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 2.9 หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ 896,000 ล้านบาท แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรในปีนี้จะยังคงขยายตัวจากปีก่อนที่ร้อยละ 1.4 จากความต้องการสินค้าเกษตรในตลาดโลกและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ขณะที่ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากปีก่อน จากอานิสงส์ปรากฏการณ์ลานีญา (La Nina) ที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2563 ซึ่งเป็นผลดีต่อการปลูกพืชในช่วงฤดูการผลิต ขณะที่ช่วงต้นปี บางพื้นที่อาจจะมีน้ำไม่เพียงพอใช้ เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนที่ลดต่ำลงในช่วงต้นปี 2564 โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ส่งผลให้ในช่วงนี้ ผลผลิตของการปลูกพืชในเขตชลประทานมีแนวโน้มลดลง  


หากเจาะลึกลงไปในด้านอุปทาน พบว่าสถานการณ์ผลผลิตการเกษตรในระดับภูมิภาค ตามการประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าปริมาณน้ำฝนทั้งประเทศในปีนี้จะมากกว่าค่าปกติร้อยละ 10-15 โดยคาดว่าปรากฏการณ์ลานีญาจะกลับมาอีกครั้ง และทำให้ปริมาณฝนตกมากขึ้น ตั้งแต่เดือนมีนาคม-สิงหาคม ซึ่งดีกว่าปีก่อนที่ฝนตกน้อยกว่าค่าปกติถึงร้อยละ 20 โดยภูมิภาคที่ได้รับอานิสงส์จากปริมาณน้ำฝนมากที่สุด ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งหากมองในภาพรวมแล้ว ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังเป็นปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตร 

สำหรับในด้านอุปสงค์ของสินค้าการเกษตร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ได้นำการคาดการณ์ตลาดสินค้าเกษตรมาประเมินร่วมกับแนวโน้มอุปทานข้างต้น ทำให้สามารถประเมินแนวโน้มสินค้าเกษตรในปี 2564 เป็น 2 กลุ่มสินค้า ตามการขยายตัวของรายได้ โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มดี เนื้อสัตว์ สุกร และไก่ แนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง และเราชนะ นอกจากนี้ การขยายตัวของการส่งออกลูกสุกรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทดแทนสุกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคอหิวาต์สุกร และการส่งออกเนื้อแปรรูปไปยังประเทศฮ่องกง และจีน ที่เติบโตขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้รายได้จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 9

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากภายในประเทศและส่งออก ในขณะที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงที่สุด ได้รับอานิสงส์จากปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 20% ทำให้ผลผลิตมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับราคา ในภาพรวมคาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 4.1


ยางพารา แนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ยางพาราจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ยางเพื่อผลิตถุงมือทางการแพทย์ ต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ ในภาพรวมคาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.3

มันสำปะหลัง มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นจากความต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นของประเทศจีน เพื่อนำไปใช้ผลิตเอทานอลทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาสูงและมีปริมาณสตอกคงเหลือลดลง ซึ่งหากวัดตามมูลค่าส่งออกแล้ว ตลาดจีนมีมูลค่ามากถึงร้อยละ 66 ของการส่งออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังมีแนวโน้มชะลอตัวจากความเสี่ยงการถูกกดราคารับซื้อหัวมันสดจากผู้ผลิตผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง คาดการณ์ว่ารายได้จากมันสำปะหลังจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.8

ปาล์มน้ำมัน ในปีนี้ระดับราคายังมีระดับสูงต่อเนื่องจากปีก่อน อานิสงส์จากอุปสงค์ตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นจากนโยบายใช้ดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐาน และอุปสงค์เพื่อนำไปใช้ทำอาหารปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ผลผลิตอยู่ในระดับใกล้เคียงจากปีก่อน จึงคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.3

สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มทรงตัว ได้แก่ ข้าว ผลผลิตปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา แม้พื้นที่ปลูกข้าวเขตชลประทานในภาคกลางตอนบนและภาคเหนือตอนล่างจะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีปริมาณต่ำ อย่างไรก็ตาม ในด้านอุปสงค์ความสามารถในการแข่งขันราคาส่งออกข้าวไทยที่ลดลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง จากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นทำให้ราคาข้าวไทยที่สูงกว่าคู่แข่ง รวมไปถึงปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด ทำให้คาดการณ์ว่ารายได้จากข้าวจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.7 จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก

อ้อย ผลผลิตในประเทศปีนี้ มีแนวโน้มหดตัวลงจากการตัดสินใจลดการผลิตของเกษตรกรในประเทศ เนื่องจากราคาอ้อยที่ตกต่ำในปีก่อน และปัญหาภัยแล้ง ทำให้น้ำตาลที่ผลิตเพื่อส่งออกมีปริมาณน้อยลง ประกอบกับแนวโน้มการแข็งค่าของเงิน คาดการณ์ว่ารายได้จากอ้อยและน้ำตาลจะลดลงเฉลี่ยร้อยละ 0.6

อาหารทะเล แม้ว่าภาพลักษณ์ของสินค้าอาหารทะเลของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีก่อนในด้านอุปสงค์ จากการที่ EU ปลดสถานะใบเหลืองให้แก่ไทย ในประเด็น Illegal Unreported and Unregulated Fishing (IUU Fishing) อย่างไรก็ตาม แรงกดดันการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ ลดการบริโภคอาหารทะเล และหันไปซื้อเนื้อสัตว์ที่มีราคาต่ำกว่า นอกจากนี้ การที่สินค้าไทยไม่ได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ในตลาดสหรัฐฯ และ EU ส่งผลให้อาหารทะเลไทยมีราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยเฉพาะจีน อินเดีย และเวียดนาม ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยกดดันให้อุปสงค์และอุปทานอยู่ในระดับที่จำกัดต่อไป โดยคาดการณ์ว่ารายได้ในกลุ่มนี้จะลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.8

จากแนวโน้มสินค้าเกษตรที่ประเมินไว้ เนื่องจากโครงสร้างตลาดสินค้าเกษตรไทยส่วนใหญ่ยังพึ่งพาตลาดส่งออก ซึ่งมีการแข่งขันสูง และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในปี 2564 จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ลดทอนความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถควบคุมระดับอุปทานให้มีปริมาณที่เหมาะสมและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงนโยบายสนับสนุนที่ช่วยประกันความเสี่ยงด้านราคาจากภาครัฐ จะช่วยให้สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยหล่อเลี้ยงเกษตรกรและเศรษฐกิจภายในประเทศได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]