กรุงเทพฯ 11 ก.พ. – รมว.คลัง ระบุ เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นนับจากนี้ไปจะต้องมีวัคซีน 3 ตัว คือ วัคซีนเศรษฐกิจระดับประเทศ วัคซีนภาคการผลิตและบริการ และวัคซีนระดับประชาชน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 ยังต้องเผชิญโควิด-19 ต่อเนื่องจากปี 2563 แต่เศรษฐกิจปีนี้มีความหวังจากปีที่แล้วที่ไม่มีความหวัง เนื่องจากมีการผลิตวัคซีนได้แล้ว ซึ่งคนไทยจะได้ฉีดวัคซีน หากทำได้เร็วลดการแพร่ระบาด ทำให้มีความหวังว่าโควิดปีนี้จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจน้อยลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะศูนย์กลางการระบาดรอบใหม่รุนแรง มีการติดเชื้อจำนวนมากกว่ารอบแรก การติดเชื้อแต่ละวันยังเป็นหลักร้อยคน โดยตอนนี้ลดลงเพราะการควบคุมแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพ
นายอาคม กล่าวว่า ไทยต้องมีวัคซีนเศรษฐกิจ 3 ตัว เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และมีเสถียรภาพ ประกอบด้วย
- วัคซีนเศรษฐกิจระดับประเทศ จีดีพีต้องเติบโตมั่นคง ต่อเนื่องมีคุณภาพ โตเท่าไรไม่สำคัญ เน้นเรื่องคุณภาพ เศรษฐกิจต้องมีความมั่นคง ทุนสำรองสูง ฐานะการคลังแข็งแรง และหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
- วัคซีนเศรษฐกิจระดับภาคการผลิต ภาคบริการ ต้องมีภูมิคุ้มกัน ค้องมีมีการบริหารความเสี่ยง และมีธรรมาภิบาล
- วัคซีนระดับประชาชน ส่งเสริมให้มีการออมเงินมากขึ้น และสร้างทางเลือกรออมยามเกษียณให้กับประชาชน
นายอาคม กล่าวว่า การบริหารเศรษฐกิจปี 2564 รัฐบาลต้องดำเนินการ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่
- การเยียวยาและฟื้นฟู ต้องทำให้ทันสถานการณ์ ปีที่ผ่านมามีการเยียวยาประชาชนจากโครงการเราไม่ทิ้งกัน สำหรับปีนี้ก็ดำเนินการมาต่อเนื่อง ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และโครงการ ม33 เรารักกัน ซึ่งมาตรการเยียวยาทำได้แค่ระยะสั่นเท่านั้น ไม่สามารถเยียวยาไปไม่ได้ตลอด ดังนั้นรัฐบาลต้องทำการฟื้นฟู ช่วยเหลือผู้ประกอบการผ่านนโยบาบการเงินการคลัง ไปพร้อมกันด้วย
- การกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตให้มีความชัดเจน ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พูดชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยต้องเน้นเรื่อง BCG
- การดูแลการระบาดของโควิด-19 และการดูแลรองรับสังคมผู้สูงอายุที่ตอนนี้ ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 12% อีก 10 ปี จะเพิ่มเป็น 24% ต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน . – สำนักข่าวไทย