กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – การท่าเรือฯมอบเงินสนับสนุนจัดหารถตรวจ Mammogram ให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานการท่าเรือฯ มอบเงินจำนวน 33,000,000 บาท ให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี ภายใต้โครงการ “70 ปี การท่าเรือฯ มอบรถตรวจเอกซเรย์ เต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) ให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี” โดยมีนายแพทย์ สมยศ ดีรัศมี ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี เป็นผู้รับมอบ
โดยผู้อำนวยการ กทท.ระบุว่า. โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ต้องการร่วมสานต่อพระราชปณิธานของพระบาท-สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยมอบเงินสนับสนุนในการจัดหารถตรวจเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูงหรือรถแมมโมแกรมให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี เพื่อสืบสานพระราช-ปณิธานของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในการสนับสนุนการดำเนินการทางการแพทย์และสาธารณสุข เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของสตรีกลุ่มเสี่ยงผู้ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกลจากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ให้สามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อันจะเป็นการลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ
การท่าเรือฯ ได้ดำเนินโครงการ “70 ปี การท่าเรือฯ มอบรถตรวจเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ให้แก่มูลนิธิกาญจนบารมี” ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 70 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 17 โครงการที่การท่าเรือฯ จะดำเนินการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมในวงกว้าง สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการมอบเงินสนับสนุนจัดหารถตรวจเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูงชนิดสองมิติให้แก่มูลนิธิฯ จำนวน 1 คัน ในวงเงินจำนวน 33,000,000 บาท ซึ่งภายในรถดังกล่าวประกอบด้วยเครื่องตรวจเต้านมด้วยคลื่นเสียง – ความถี่สูง พร้อมจอวินิจฉัยภาพความละเอียดประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ได้ภาพเอกซเรย์เต้านมที่เห็นโครงสร้างความผิดปกติได้อย่างชัดเจน และใช้โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการช่วยหาความผิดปกติของเนื้อเยื่อ เต้านมอัตโนมัติ
ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ กล่าวว่า การร่วมสนับสนุนรถตรวจเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิตอลเคลื่อนที่ ที่มีประสิทธิภาพสูง ทันสมัย และครบวงจรในครั้งนี้ เป็นการช่วยสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิฯ ในการตรวจ คัดกรองเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นให้แก่สตรีกลุ่มเสี่ยงและผู้ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารให้สามารถเข้าถึงบริการด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และคลอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ อันจะนำไปสู่การรักษาได้อย่างทันท่วงที และเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตได้สูงถึง 90%. – สำนักข่าวไทย