กรุงเทพ ฯ 26 พ.ย. – นักเศรษฐศาสตร์มองโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี ช่วยกระจายเม็ดเงินลงสู่ประชาชน และร้านค้าย่อย กระตุ้นการบริโภคได้ดี แต่แนะให้มีการปรับรูปแบบการทำโครงการคนละครึ่ง เฟส 2
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี ช่วยกระจายเม็ดเงินเข้าถึงประชาชน ลงสู่ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย แม้เม็ดเงินจะไม่มาก แต่กระจายตรงช่วยทำให้เม็ดเงินหมุนเร็ว ช่วยการบริโภคภาคเอกชนให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง หากรัฐบาลจะดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 2 ต่อในปี 2564 ก็สามารถทำได้
นายอมรเทพ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าไม่คงทน สินค้าอุปโภค บริโภค แต่สินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ รถยนต์ ที่อยู่อาศัย ยังชะลอตัว ดังนั้น เห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เช่น การเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และสนับสนุนการจ้างงานในชนบท สร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อเติมเงินให้กับแรงงาน เพราะปัจจุบันรายได้ของแรงงานลดลงจากการลดเวลาทำงาน ดังนั้น ต้องเติมเงินให้แรงงานมากขึ้น เพื่อจูงใจให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลสามารถทำหลายมาตรการควบคู่กันได้
นายเชาว์ เก่งชน ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวถึงการต่ออายุโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ว่า รัฐบาลควรพิจารณาจากฐานข้อมูล ทั้งรูปแบบการใช้จ่ายและระยะเวลาการใช้จ่ายในเฟสแรก เพื่อปรับรูปแบบการดำเนินมาตรการเฟส 2 ให้มีความเหมาะมากขึ้น พร้อมยกตัวอย่าง หากยอดใช้จ่ายในเฟสแรกเน้นไปที่การซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน จะสะท้อนว่าประชาชนยังอยู่ในภาวะลำบาก และจำเป็นต้องต่ออายุมาตรการในรูปแบบเดิม แต่หากยอดใช้จ่ายไปอยู่ที่การซื้อสินค้า เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับมากขึ้น แม้จะเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง แต่สะท้อนว่าประชาชนมีความพร้อมในการใช้จ่ายสินค้ากลุ่มอื่นที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น รัฐบาลก็ควรปรับรูปแบบมาตรการควบคู่กับการออกมาตรการอื่นเสริม เพื่อช่วยผู้ค้ารายย่อยในกลุ่มสินค้าเหล่านี้แทน ที่สำคัญต้องมีการแจ้งความชัดเจนล่วงหน้า รวมทั้งควรมีมาตรการอื่นที่จะส่งผลดีระยะยาว เช่น มาตรการจ้างงาน หรือการเพิ่มรายได้ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย