สมุทรปราการ 23 ต.ค. – ผู้บริหารของ ปตท. แสดงความเสียใจกับเหตุท่อก๊าซระเบิด ทำให้ผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 66 ราย พร้อมรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด โดยมอบเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 5 ล้านบาท
รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุท่อก๊าซระเบิดที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ขณะที่ ปตท. เยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 5 ล้านบาท
เป็นภาพนาทีชีวิตซึ่งถ่ายโดยเด็กนักเรียน ขณะกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซระเบิดเมื่อวานนี้ ที่บริเวณข้างโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี พื้นที่หมู่ 4 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียง จนเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังเข้าระงับเหตุเป็นการด่วน
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยได้รับคลิปวิดีโอความรุนแรงของเปลวเพลิงที่แผ่รัศมีเป็นวงกว้างจากจุดเกิดเหตุ พร้อมกับเผาทำลายพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะที่ สภ.เปร็ง ซึ่งมีผู้บันทึกเหตุการณ์ขณะเพลิงกำลังเผาผลาญพื้นที่รอบสถานีตำรวจ และเผาผลาญรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าสถานีอย่างรุนแรง
ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ เดินทางไปยังโรงเรียนวัดเปร็งประชาราษฎร์บำรุง เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ยังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ รวมถึงซีอีโอของ บมจ.ปตท. โดยได้กำชับให้เร่งตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัด ขณะที่ผู้บริหารของ บมจ.ปตท. แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ พร้อมเร่งรัดให้เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ จัดเตรียมที่พักชั่วคราว ณ วัดเปร็งราษฎร์บำรุง จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องใช้ที่จำเป็นให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจัดหาที่พักรองรับในช่วงระหว่างการซ่อมแซมบ้านเรือน
สำหรับความเสียหายขณะนี้ล่าสุดพบตัวเลขยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 66 ราย ขณะนี้ปลอดภัยกลับบ้านแล้ว 37 คน โดย ปตท. พร้อมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าความเสียหายของทรัพย์สิน โดยมอบเงินเยียวยาเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5,000,000 บาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสรายละ 500,000 บาท ผู้ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บที่ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รายละ 50,000 บาท สำหรับการชดเชยบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เกิดความเสียหาย อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าและจะบรรเทาผลกระทบให้ดีที่สุดโดยเร็ว
อีกหนึ่งผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์และเห็นถึงความซื่อสัตย์ของสุนัขคือ “เจ้าหมอก” โดยเจ้าหมอกถูกแชร์ภาพในโลกออนไลน์หลังเกิดเหตุ สุนัขตัวนี้ได้นั่งรอเจ้าของ ซึ่งเป็นหญิงชราวัย 85 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่เจ้าหมอกยังคงนั่งรอเจ้าของที่บริเวณหน้าบ้าน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่บ้านจุดเกิดเหตุ และพบเจ้าหมอกในสภาพที่ยังมีบาดแผลตามร่างกาย นอนเฝ้าสิ่งของภายในบ้าน ขณะที่ญาติเจ้าของบ้านได้เข้าไปสำรวจความเสียหายและเก็บข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่
ญาติเจ้าของบ้านบอกว่า วันเกิดเหตุ เจ้าหมอกได้วิ่งไปหาคุณยาย ซึ่งกำลังถูกไฟคลอกได้รับบาดเจ็บหน้าโรงเรียน สภาพของเจ้าหมอกในขณะนั้นก็บาดเจ็บจากการถูกไฟคลอกเช่นกัน แต่มันไม่ยอมไปไหนและไม่ให้ใครจับตัว อีกทั้งยังวนเวียนอยู่ข้างตัวคุณยาย กระทั่งคุณยายถูกนำส่งโรงพยาบาล ทำให้เจ้าหมอกเดินโซซัดโซเซกลับบ้าน และไปนอนที่จุดเดิมที่เจ้าหมอกกับคุณยายจะนั่งอยู่ข้างกัน โดยคุณยายจะลูบหัวและนั่งดูทีวี ซึ่งมันไม่รู้เลยว่าจะไม่ได้เจอคุณยายอีกแล้ว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ประสานให้นำเจ้าหมอกไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลสัตว์ที่จังหวัดฉะเชิงเทราแล้ว เนื่องจากตามร่างกายยังคงมีบาดแผลอยู่.-สำนักข่าวไทย