นนทบุรี 13 ต.ค. – เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวเตรียมเฮ พาณิชย์ผนึกกำลังระดมภาครัฐและเอกชนช่วยดึงราคาข้าวให้สูงขึ้น
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ได้ประชุมหารือติดตามสถานการณ์ราคาข้าวเหนียวที่มีราคาปรับตัวลดลง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้าวเหนียว โดยมีสมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กรมการข้าว และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรร่วมหารือ พบว่า ข้าวเปลือกเหนียวที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้เป็นข้าวเหนียวนาปรังพันธุ์สันป่าตอง 1 ซึ่งปกติราคาตลาดจะต่ำกว่าข้าวเปลือกเหนียวนาปีพันธุ์ กข 6 ที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกชุก ทำให้มีความชื้นสูง ราคารับซื้อข้าวที่ความชื้นไม่เกิน 15% จะอยู่ที่ตันละ 9,000 – 9,500 บาท (ข้าวสดความชื้น 28% ราคาอยู่ที่ตันละ 7,000 – 7,500 บาท)
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวเปลือกเหนียวในปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าปริมาณข้าวเปลือกเหนียวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพิ่มสูงมากอย่างที่คาดการณ์กันไว้ ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มาที่ประสบภัยแล้งต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอ ต่อความต้องการทำให้ราคาสูงกว่าปกติมาก อย่างไรก็ตามสำหรับราคาข้าวเปลือกเหนียวปัจจุบันคาดว่า น่าจะอยู่ที่จุดต่ำสุดแล้ว
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวในช่วงนี้ กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศได้ขอความร่วมมือสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรในพื้นที่แหล่งผลิต โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย จะได้ช่วยรับซื้อต่อเนื่อง และได้ประสานห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่จัดให้มีพื้นที่จำหน่ายข้าวสารเหนียวและจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภค
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะเจรจากับ COFCO เพื่อเสนอขายข้าวเหนียวและข้าวชนิดอื่นภายใต้ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรไทย-จีนที่ยังอยู่ระหว่างเจรจาส่งมอบอีก 300,000 ตัน ซึ่งจีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยอยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นความต้องการข้าวเหนียวภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง บูรณาการร่วมกับกรมศุลกากรและฝ่ายความมั่นคงเพื่อเข้มงวดการนำเข้าและการขออนุญาตขนย้าย ในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียว จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวเปลือกของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอมาตรการประกันรายได้และมาตรการคู่ขนาน (โครงการสินเชื่อชะลอการจำหน่าย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บ ตันละ 1,500 บาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวของสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก) ที่ นบข. ได้เห็นชอบแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและเก็บเกี่ยวไปแล้วก่อนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติยังคงได้รับสิทธิ์ตามโครงการประกันรายได้ปี 2
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศติดตามสถานการณ์ข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ต่อไป. – สำนักข่าวไทย