กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – ซีพีเหมาโบกี้รถไฟสายตะวันออก นำคณะที่ปรึกษาสำรวจเส้นทางรถไฟ 220 กม. ตั้งเป้าพัฒนาเมืองต้นแบบศูนย์กลางอีอีซี ท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารซีพี คณะผู้บริหาร บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ได้จัดประชุมสัญจรคณะที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อม 3 สนามบินบนรถไฟขบวนพิเศษเส้นทางรถไฟสายตะวันออก 220 กิโลเมตร จากสถานีหัวลำโพงถึงสถานีรถไฟพลูตาหลวง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟแห่งอนาคตภายใต้การร่วมมือของภาครัฐและเอกชนครั้งแรกของประเทศไทย โดยรถไฟขบวนพิเศษนี้ได้แวะจอดที่สถานีลาดกระบัง ฉะเชิงเทรา ศรีราชา และพลูตาหลวง และมีการระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้บริหารและคณะที่ปรึกษากันอย่างกว้างขวางตลอดการเดินทาง เพื่อที่จะพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินสายนี้ให้มีความยั่งยืนในทุกมิติและเป็นเส้นทางแห่งโอกาสและความภูมิใจของประเทศไทย
นายศุภชัย กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ หัวใจของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของระบบเศรษฐกิจที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุค 4.0 และจะเชื่อมโยงและเพิ่มศักยภาพให้ฉะเชิงเทรา ศรีราชา พัทยา ระยอง ให้เป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองแห่งอนาคต หรือ Smart City
“รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นโครงการที่เกิดขึ้นก่อนเวลามาก แต่เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นที่น่าภาคภูมิใจ เพราะเป็นความท้าทายโครงการขนาดใหญ่ลักษณะนี้จะเป็นการสร้างเพื่อเชื่อมเมืองใหญ่ต่อเมืองใหญ่ตามหลักการสากล แต่สิ่งที่ทำวันนี้ คือ การมองถึงวิสัยทัศน์ที่เชื่อมกับอีอีซีให้เห็นผลในอนาคต ซึ่งผลที่ออกมาอาจต้องใช้เวลานาน 10-15 ปี หากสำเร็จจะเป็นตัวอย่างการพัฒนาที่ดีของประเทศ นอกจากการมีผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ Return of Investment ที่เหมาะสมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่วัดไม่ได้แต่มีมูลค่ามหาศาล คือ Return of Society ดังนั้น ถ้าวางแผนควบคู่กันไปจะมีผลตอบแทนต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล” นายศุภชัย กล่าว
นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการว่า ภาพรวมทางภาครัฐคาดว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนได้ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายนปี 2564 โดยอย่างช้าไม่เกินเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งยังคงเป็นไปตามสัญญา ส่วนการย้ายสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน่วยงานกว่า 20 แห่ง และตามแผนเกือบทุกหน่วยงานจะรื้อย้ายให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม 2564 ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงช่วงแรกได้ภายในปี 2569.-สำนักข่าวไทย