รร.คอนราด 7 ต.ค. – กกร.ประเมินจีดีพีปี 63 อาจหดตัว 7-9 % ส่งออกหดตัว 8-10% หลังไตรมาส 3 ดีกว่าคาด
นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า หากโควิด-19 ไม่ระบาดระรอกใหม่หรือสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ กกร.มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะฟื้นตัว แต่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากมาตรการรัฐต่อเนื่องและตรงจุด สำหรับปี 2563 ประเมินว่าจีดีพีอาจจะหดตัวอยู่ในกรอบ 7-9% ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะหดตัวในกรอบ 8-10% ดีขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้หดตัว 10-12% หลังจากไตรมาส 3 ดีกว่าคาด ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบหดตัว 1-1.5%
ทั้งนี้ ทาง กกร.ยังระบุด้วยว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ฟื้นตัวไปพร้อมกับความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 โดยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่ได้รับการส่งเสริมจากมาตรการภาครัฐที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 ภายหลังคลายล็อกดาวน์ทั่วโลก ซึ่งสินค้ากลุ่มอาหารและสุขอนามัยกำลังเป็นที่ต้องการมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังต่ำกว่าปกติอยู่มาก โดยเห็นได้จากจำนวนผู้ว่างงานที่ยังไม่ลดลง
สำหรับไตรมาส 4 เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยจากต่างประเทศ เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน กดดันการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินเดีย และหลายแห่งในทวีปเอเชีย ส่วนช่วงที่เหลือของปีคาดว่าเงินบาทยังมีแรงหนุนแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล
นอกจากนี้ ทาง กกร.ยังได้เสนอให้มีการต่ออายุมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ อาทิ มาตรการชะลอการคืนเงินกู้ การขอยืดมาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ การลดการเก็บภาษีน้ำมันเครื่องบินและการเร่งรัด soft loan ของสายการบิน รวมทั้งการค้ำประกันเงินกู้ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยทาง กกร.ได้หารือร่วมกับ บสย.ในการจัดทำโปรแกรม เพื่อขยายระยะเวลากู้เพิ่มจากโครงการ soft loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีระยะเวลา 2 ปีให้ขยายเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 10 ปี เพื่อช่วยค้ำประกันให้ผู้กู้
ส่วนการมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ นั้น นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นายอาคมเป็นบุคคลที่เหมาะสมจะทำงานร่วมกับรัฐบาล เพราะเคยเป็นเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีช่วยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในปี 2558 ดังนั้นน่าจะเป็นที่พึ่งของภาคเอกชนได้.-สำนักข่าวไทย