พาณิชย์ จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ สินค้ายางพารา

กระทรวงพาณิชย์ 1 ต.ค.- กระทรวงพาณิชย์ ดึงเอกชนจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ สินค้ายางพาราแปรรูปขั้นต้น และ ผลิตภัณฑ์ยางพารา หลังส่งออก 8 เดือน มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ปลื้ม ราคายางทะลุกิโลกรัมละ 60 บาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประชุมหารือ จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ กับผู้นำเข้า และส่งออก กลุ่มสหกรณ์กองทุนสวนยางพาราจากหลายจังหวัด ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-2 ต.ค.63 นับว่าผู้นำเข้าจากต่างประเทศ สนใจเข้ามาเจรจาธุรกิจ(Online Business Matching) 69 ราย มูลค่า 1,400 ล้านบาท เนื่องจาก ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ความต้องการใช้ยางพาราในส่วนของวัตถุดิบ โดยเฉพาะถุงมือยาง มาเลเซียต้องการจำนวนมาก รวมทั้ง สินค้ายางพาราแปรรูปขั้นต้น น้ำยางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง ผลิตภัณฑ์ยางพารา ได้แก่ หมอน ที่นอน เบาะรองนั่ง

ยอมรับว่าความต้องการใช้ยางในประเทศเริ่มสูงขึ้น จึงทำให้ราคายางพาราในประเทศขยับขึ้น ราคายางแผ่นดิบรมควัน 58-59 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำยางข้น ราคา 50 บาท ยางก้อนถ้วย 19-20 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคายางส่งออก FOB ยางแผ่นดิบรมควันราคา 63.15 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการยางพารามากขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความต้องการใช้ยางรถยนต์เริ่มขบัยตัว จึงต้องการใช้ยางแผ่น ยางแท่นในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลและการทำตลาดในเชิงรุก เพื่อเพิ่มความต้องการใช้ประเทศ โดยเฉพาะการจับมือกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ นำยางพาราไปจัดทำเครื่องป้องกันความปลอดภัยทางถนน

ตลอดจนการเร่งรัดการส่งออกยางพาราให้ได้ตามสัญญาในช่วงปัญหาโควิด-19 จำนวน 5 แสนตัน มูลค่า 4.8 หมื่นล้านบาท หลังจากยอดส่งออกยางพาราช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.63- ส.ค.63) มูลค่า 3 แสนล้านบาท เมื่อความต้องการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้สัดส่วนการใช้ยางพาราจากร้อยละ 15 เพิ่มเป็นร้อยละ 20 การส่งออกจึงต้องลดลงจากร้อยละ 85 เหลือร้อยละ 80 เพื่อหาช่องทางสร้างความต้องการใช้ยางในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ยังเตรียมจัดงาน Rubber Expo เป็นการจัดงานเวทีระดับโลก มีทั้งนักลงทุนไทย ต่างชาติ มาร่วมงาน เพื่อนำผลิตภัณฑ์ยางพาราเข้ามาร่วมจัดงานสร้างแรงซื้อในประเทศและการส่งออกเพิ่ม

กระทรวงพาณิชย์ยังตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบสตอกยางพารา หลังจากเอกชนเข้าร่วมโครงการจากรัฐ ในการพึ่งพาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 เพื่อรับซื้อน้ำยางพาราจากชาวสวนตามนโยบายรัฐ เพื่อต้องการตรวรจสอบดูว่าใช้สิทธิ์การรับซื้อจริงหรือไม่

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การยางฯได้ติดตามราคายางพาราในประเทศอย่างใกล้ชิด หากลดลงต่ำกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัมต่อวัน จะใช้กองทุนเข้าไปแทรกแซงในตลาดทันที ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าราคาผันผวนต่ำกว่า 2 บาท มีอยู่จำนวน 5 วัน และพบว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม ราคายางพาราเริ่มดีดเพิ่มสูงขึ้น จึงเริ่มชนเป้าหมาย 60 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะทำให้ชาวสวนยางพออยู่ได้บ้างแล้ว ผลผลิตยางพาราในปี 63 คาดว่าผลิตได้ 4.91 ล้านตัน ไทยนับว่ามีผลผลิตยางร้อยละ 35-40 ของตลาดโลก

สำหรับเวทีเจรจาธุรกิจ ประกอบด้วย ตัวแทนสหกรณ์ผู้ผลิตยางพาราจานวน 4 ราย ได้แก่ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จากัด จังหวัดตรัง – สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านน้าผุด จากัด จังหวัดตรัง สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านเนินสว่าง จากัด จังหวัดระยอง – สหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จากัด จังหวัดตราด จากนั้นมีผู้นำเข้า 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา และจีน เซลส์แมนประเทศ หรือทูตพาณิชย์ ได้แก่ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา รัสเซีย จีน ตุรกี เวียดนาม อินเดีย เมื่อบุกตลาด อาเซียน จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ยุโรป ภูมิภาคตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา มากขึ้น .-สำนักข่าวไทย