นนทบุรี 30 ก.ย. – เอกชนไทยใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้เอฟทีเอ-จีเอสพี ครึ่งปีแรกลดลงร้อยละ 14.26 ผลกระทบโควิดกดดันส่งออกทั่วโลก
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2563 โดยมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวมเท่ากับ 30,848.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 78.61 แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอ 28,534.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้จีเอสพี 2,314.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ครึ่งปีแรกปี 63 ลดลงร้อยละ 14.26 โดยได้รับผลกระทบหลักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังดำเนินไปในหลายประเทศ ซึ่งกดดันการส่งออกทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากการใช้สิทธิฯ ส่งออกสินค้าเครื่องดื่ม อาหาร เกษตรแปรรูปที่พุ่งต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 แล้ว ไทยยังมีศักยภาพส่งออกสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/09/FTA1-1-724x1024.jpg)
ขณะที่การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรีในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 มีมูลค่า 28,534.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 15.47 มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 78.25 ตลาดที่ไทยส่งออกมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ภายใต้เอฟทีเอสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มูลค่า 9,490.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.จีน มูลค่า 9,567.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 3.ญี่ปุ่น มูลค่า 3,402.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 4.ออสเตรเลีย มูลค่า 2,937.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 5.อินเดีย มูลค่า 1,573.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้จีเอสพีทั้ง 4 ระบบ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ในช่วง มกราคม-มิถุนายน 2563 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,314.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.07 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 83.26 ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ มากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,043.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.39 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 85.24 อันดับ 2 คือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 177.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 37.65 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 64.10 อันดับ 3 คือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 76.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.29 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 85.26 และนอร์เวย์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 16.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 59.30 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 100
ทั้งนี้ ภาพรวมในช่วงครึ่งปี 2563 การใช้สิทธิประโยชน์ฯ ยังคงลดลงสอดคล้องกับทิศทางการส่งออกของไทย โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวพบว่าไทยมีศักยภาพส่งออกสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงการแพร่ระบาด โดยเฉพาะสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งมีการใช้สิทธิฯ เพิ่มขึ้นหลายความตกลงฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีโอกาสส่งออกจากความต้องการหลายประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว
สำหรับอาเซียน-จีน สินค้าในกลุ่มดังกล่าวที่มีการใช้สิทธิฯ เพิ่มขึ้น เช่น ถุงมือยาง มูลค่าการใช้สิทธิฯ 46.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 75.19 เทอร์โมมิเตอร์ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 13.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 100 อาเซียน-เกาหลี เช่น เครื่องแต่งกายทำด้วยยางวัลแคไนซ์ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 67 ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์หรือสารทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 100 อาเซียน-ญี่ปุ่น เช่น เอทิลแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้แปลงสภาพ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 4.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.73 และอื่น ๆ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย