แนะปลดล็อกปล่อยกู้ซอฟท์โลน

กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – กมธ.เศรษฐกิจฯ สว.ร่วมมือหลายหน่วยงานช่วยอุ้มเอสเอ็มอี แนะปลดล็อกแก้ไข พ.ร.ก.ปล่อยกู้ซอฟท์โลน ธปท. หลังปล่อยกู้เพียงแสนล้านบาท  ขณะที่สมาคมธนาคารไทยใกล้ครบกำหนดมาตรการพักหนี้  22 ตุลาคมนี้ ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจอาจก่อปัญหาสึนามิรอบใหม่ เอกชนแนะขยายเวลาพักหนี้ต่อลมหายใจ  


นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง “ SMEs เดินหน้าสู้วิกฤติโควิด-19 : หมดมาตรการพักชำระหนี้ ยังมีทางรอด” ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศ 3 ล้านราย เมื่อรวมกับผู้ค้า เอกชนรายย่อยมีกว่า 5 ล้านคน หากรวมถึงผู้ประกอบการภาคเกษตรมีกว่า 10 ล้านครัวเรือน จึงเป็นกลุ่มสำคัญที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลในช่วงปัญหาโควิด โดยเฉพาะเมื่อมาตรการพักหนี้ครบกำหนด เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้มีเงินทุนหล่อเลี้ยงกิจการ ยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนดูแลเอสเอ็มอีและผู้ค้ารายย่อย 25 หน่วยงาน หากบูรณาการร่วมกันจะทำให้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ สว.จึงต้องการเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนเหล่านี้ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติม  

นายลักษณ์ วจนานวัช ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการเงิน วุฒิสภา กล่าวว่า ช่วงมีปัญหาโควิด-19 สถาบันการเงินพักหนี้ ลดการชำระเงินระยะเวลา 6 เดือน ตาม พ.ร.ก.พักหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับลูกหนี้ไม่เกิน 100 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า  8.8 ล้านราย มูลหนี้กว่า 7 ล้านล้านบาท  และสถาบันการเงินปล่อยกู้เพิ่มเติมวงเงิน 180,000 ล้านบาท ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้  12 ล้านราย วงเงิน 68,000 ล้าบาท เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ดีช่วงนี้อาจมีปัญหาหนี้เสียมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือดูแลใกล้ครบกำหนดเดือนตุลาคมนี้  จึงต้องหาช่องทางดูแลเพิ่มเติมด้วยการขยายเวลามาตรการ เพื่อให้เอสเอ็มอีและรายย่อยกลับมาฟื้นตัว


สำหรับสินเชื่อซอฟท์โลนของ ธปท.ปล่อยออกสู่ระบบวงเงินกู้กว่า 100,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 500,000 ล้านบาท  เวทีสัมมนาจึงได้เสนอแนะว่าควรมีการแก้ไข พ.ร.ก.ของแบงก์ชาติ เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขบางส่วนในการปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน  เพื่อให้เอสเอ็มอีมีสภาพคล่องมากขึ้น เช่น ข้อกำหนดให้ปล่อยกู้ร้อยละ 20 ของวงเงินกู้ที่เหลือ และเงื่อนไขอื่น ๆ หลายด้าน เอสเอ็มอียังเรียกร้องให้สถาบันการเงินทำการแยกประเภทลูกหนี้ออกให้ชัดเจน เพื่อเลือกช่องทางเข้าไปดูแลผ่านการค้ำประกันโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อให้เอสเอ็มอีเติมสภาพคล่องและช่วยเหลือถูกฝา ถูกตัว

นายมงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ปัญหาโควิด-19 กระทบผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงินกว่า 650,000 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าสูงมาก เพราะกระทบทั้งเจ้าของกิจการ พนักงาน แรงงาน ยอดรวมกว่า 3.25 ล้านราย แม้กระทบเพียงปีเดียว แต่เสียหายรุนแรงมาก หน่วยงานรัฐจึงต้องเป็นหัวหอกคอยช่วยเหลือทั้งการบ่มเพาะกิจการ  การปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน และต้องระวังไม่ให้ปัญหาลุกลามไปยังลูกหนี้การค้าระหว่างเอกชนด้วยกันเอง เพื่อไม่ให้ปัญหาสภาพคล่องลุกลามไปยังการปล่อยกู้ของแบงก์ต่าง ๆ  ยอมรับว่าซอฟท์โลน ธปท.ปล่อยกู้ 2 ปี ผ่อนชำระ 2 ปีแรก เอสเอ็มอีอาจไม่มีกำลังผ่อนชำระ

นางชุลีพร น่วมทนง รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตาม พ.ร.ก.พักหนี้ ลดภาระหนี้ของ ธปท. เพื่อช่วยเหลือการพักเงินต้นและดอกเบี้ยจะครบกำหนด 6 เดือน วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แต่มาตรการพักหนี้ครบกำหนดอาจทำให้เป็นปัญหาสึนามิรอบใหม่ จึงแนะนำให้เอสเอ็มอีรีบมาติดต่อกับแบงก์ เพื่อหาทางอออกร่วมกัน ขณะที่สถาบันการเงินต้องเตรียมตั้งสำรองหนี้หากมีปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มเติม หากขยายเวลามาตรการออกไปจะช่วยผ่อนคลายได้มากขึ้น


สำหรับมาตรการซอฟท์โลน ธปท.ปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ 5-500 ล้านบาท  จากวงเงินทั้งหมดเตรียมรองรับ  500,000 ล้านบาท แต่ปล่อยกู้แล้วกว่า 100,000 ล้านบาท จำนวน  69,000 ราย เฉลี่ยได้รับเงินกู้ 1.7 ล้านบาทต่อราย ยอมรับว่าปล่อยกู้ออกไปได้น้อยมาก สาเหตุลูกหนี้เข้ามาได้รับการช่วยเหลือไม่ได้  เพราะติดเงื่อนไขหลายอย่าง  อีกทั้งช่วงนี้เอสเอ็มอียังไม่สบายใจ คุยกับเจ้าหนี้หลายราย ธนาคารจึงไม่อยากให้ผู้ประกอบการปล่อยเวลาจนครบกำหนด  22 ตุลาคม 2563 เพื่อหาทางออกร่วมกัน

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อเจอปัญหาโควิดผู้ประกอบการโรงแรมต้องยอมลดราคาห้องพัก เช่น จากเดิมขายห้องพักให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 20,000 บาทต่อคืน แต่ขณะนี้ลดราคาเหลือ 2,000 บาทยังยอมขาย เพื่อนำเงินมาดูแลพนักงานโรงแรม เพราะกลุ่มนี้เป็นผู้ให้บริการต้องดูแลรักษาไว้ เมื่อ ธปท.มีสินเชื่อเตรียมไว้ 500,000 ล้านบาท แต่ปล่อยกู้เพียง 100,000 ล้านบาท จึงต้องหาทางช่วยเหลือเพิ่มเติม ยอมรับว่ารัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเยอะมาก แต่วางเงื่อนไขข้อกำหนดจนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการเข้าถึงการช่วยเหลือได้น้อย

ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไม่ได้ ทำให้ยอดเดินทางเข้าประเทศหดหายไปตลอดทั้งปี ดังนั้น เมื่อรัฐบาลหาช่องทางเปิดทางให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีความพร้อมเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย และเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง เมื่อวางมาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุข หากติดเชื้อรีบนำรักษาและกักตัว 14 วัน จะดึงรายได้นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเข้ามาช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวได้บางส่วน แม้จะไม่ดีเท่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และด้านตะวันตกของประเทศไทย ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ที่พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก มีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

Pope Leo XIV with the Fisherman's Ring

ผู้นำโลกร่วมพิธีมิสซาสถาปนาโป๊ปเลโอที่ 14

โป๊ปเลโอที่ 14 เข้าพิธีมิสซารับตำแหน่งพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกอย่างเป็นทางการแล้วในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีผู้นำจากทั่วโลกร่วมในพิธี

อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น

กรมราชทัณฑ์ 18 พ.ค. – อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น ส่วน “เปรมชัย” กักโรคอยู่แดนพยาบาลเรือนจำ ภายหลังวานนี้ (17 พ.ค.) พนักงานสอบสวนนำตัว 3 ผู้ต้องหา คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ได้แก่ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ ฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกหมายขังระหว่างสอบสวน ให้ขัง น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลางโดยได้ดำเนินการรับตัวและนำตัวกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในแดนระหว่างพิจารณาคดี เบื้องต้นตรวจสุขภาพร่างกายปกติ […]