แนะปลดล็อกปล่อยกู้ซอฟท์โลน

กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – กมธ.เศรษฐกิจฯ สว.ร่วมมือหลายหน่วยงานช่วยอุ้มเอสเอ็มอี แนะปลดล็อกแก้ไข พ.ร.ก.ปล่อยกู้ซอฟท์โลน ธปท. หลังปล่อยกู้เพียงแสนล้านบาท  ขณะที่สมาคมธนาคารไทยใกล้ครบกำหนดมาตรการพักหนี้  22 ตุลาคมนี้ ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจอาจก่อปัญหาสึนามิรอบใหม่ เอกชนแนะขยายเวลาพักหนี้ต่อลมหายใจ  


นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง “ SMEs เดินหน้าสู้วิกฤติโควิด-19 : หมดมาตรการพักชำระหนี้ ยังมีทางรอด” ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศ 3 ล้านราย เมื่อรวมกับผู้ค้า เอกชนรายย่อยมีกว่า 5 ล้านคน หากรวมถึงผู้ประกอบการภาคเกษตรมีกว่า 10 ล้านครัวเรือน จึงเป็นกลุ่มสำคัญที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลในช่วงปัญหาโควิด โดยเฉพาะเมื่อมาตรการพักหนี้ครบกำหนด เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้มีเงินทุนหล่อเลี้ยงกิจการ ยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนดูแลเอสเอ็มอีและผู้ค้ารายย่อย 25 หน่วยงาน หากบูรณาการร่วมกันจะทำให้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ สว.จึงต้องการเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนเหล่านี้ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติม  

นายลักษณ์ วจนานวัช ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการเงิน วุฒิสภา กล่าวว่า ช่วงมีปัญหาโควิด-19 สถาบันการเงินพักหนี้ ลดการชำระเงินระยะเวลา 6 เดือน ตาม พ.ร.ก.พักหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับลูกหนี้ไม่เกิน 100 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า  8.8 ล้านราย มูลหนี้กว่า 7 ล้านล้านบาท  และสถาบันการเงินปล่อยกู้เพิ่มเติมวงเงิน 180,000 ล้านบาท ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้  12 ล้านราย วงเงิน 68,000 ล้าบาท เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ดีช่วงนี้อาจมีปัญหาหนี้เสียมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือดูแลใกล้ครบกำหนดเดือนตุลาคมนี้  จึงต้องหาช่องทางดูแลเพิ่มเติมด้วยการขยายเวลามาตรการ เพื่อให้เอสเอ็มอีและรายย่อยกลับมาฟื้นตัว


สำหรับสินเชื่อซอฟท์โลนของ ธปท.ปล่อยออกสู่ระบบวงเงินกู้กว่า 100,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 500,000 ล้านบาท  เวทีสัมมนาจึงได้เสนอแนะว่าควรมีการแก้ไข พ.ร.ก.ของแบงก์ชาติ เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขบางส่วนในการปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน  เพื่อให้เอสเอ็มอีมีสภาพคล่องมากขึ้น เช่น ข้อกำหนดให้ปล่อยกู้ร้อยละ 20 ของวงเงินกู้ที่เหลือ และเงื่อนไขอื่น ๆ หลายด้าน เอสเอ็มอียังเรียกร้องให้สถาบันการเงินทำการแยกประเภทลูกหนี้ออกให้ชัดเจน เพื่อเลือกช่องทางเข้าไปดูแลผ่านการค้ำประกันโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อให้เอสเอ็มอีเติมสภาพคล่องและช่วยเหลือถูกฝา ถูกตัว

นายมงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ปัญหาโควิด-19 กระทบผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงินกว่า 650,000 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าสูงมาก เพราะกระทบทั้งเจ้าของกิจการ พนักงาน แรงงาน ยอดรวมกว่า 3.25 ล้านราย แม้กระทบเพียงปีเดียว แต่เสียหายรุนแรงมาก หน่วยงานรัฐจึงต้องเป็นหัวหอกคอยช่วยเหลือทั้งการบ่มเพาะกิจการ  การปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน และต้องระวังไม่ให้ปัญหาลุกลามไปยังลูกหนี้การค้าระหว่างเอกชนด้วยกันเอง เพื่อไม่ให้ปัญหาสภาพคล่องลุกลามไปยังการปล่อยกู้ของแบงก์ต่าง ๆ  ยอมรับว่าซอฟท์โลน ธปท.ปล่อยกู้ 2 ปี ผ่อนชำระ 2 ปีแรก เอสเอ็มอีอาจไม่มีกำลังผ่อนชำระ

นางชุลีพร น่วมทนง รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตาม พ.ร.ก.พักหนี้ ลดภาระหนี้ของ ธปท. เพื่อช่วยเหลือการพักเงินต้นและดอกเบี้ยจะครบกำหนด 6 เดือน วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แต่มาตรการพักหนี้ครบกำหนดอาจทำให้เป็นปัญหาสึนามิรอบใหม่ จึงแนะนำให้เอสเอ็มอีรีบมาติดต่อกับแบงก์ เพื่อหาทางอออกร่วมกัน ขณะที่สถาบันการเงินต้องเตรียมตั้งสำรองหนี้หากมีปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มเติม หากขยายเวลามาตรการออกไปจะช่วยผ่อนคลายได้มากขึ้น


สำหรับมาตรการซอฟท์โลน ธปท.ปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ 5-500 ล้านบาท  จากวงเงินทั้งหมดเตรียมรองรับ  500,000 ล้านบาท แต่ปล่อยกู้แล้วกว่า 100,000 ล้านบาท จำนวน  69,000 ราย เฉลี่ยได้รับเงินกู้ 1.7 ล้านบาทต่อราย ยอมรับว่าปล่อยกู้ออกไปได้น้อยมาก สาเหตุลูกหนี้เข้ามาได้รับการช่วยเหลือไม่ได้  เพราะติดเงื่อนไขหลายอย่าง  อีกทั้งช่วงนี้เอสเอ็มอียังไม่สบายใจ คุยกับเจ้าหนี้หลายราย ธนาคารจึงไม่อยากให้ผู้ประกอบการปล่อยเวลาจนครบกำหนด  22 ตุลาคม 2563 เพื่อหาทางออกร่วมกัน

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อเจอปัญหาโควิดผู้ประกอบการโรงแรมต้องยอมลดราคาห้องพัก เช่น จากเดิมขายห้องพักให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 20,000 บาทต่อคืน แต่ขณะนี้ลดราคาเหลือ 2,000 บาทยังยอมขาย เพื่อนำเงินมาดูแลพนักงานโรงแรม เพราะกลุ่มนี้เป็นผู้ให้บริการต้องดูแลรักษาไว้ เมื่อ ธปท.มีสินเชื่อเตรียมไว้ 500,000 ล้านบาท แต่ปล่อยกู้เพียง 100,000 ล้านบาท จึงต้องหาทางช่วยเหลือเพิ่มเติม ยอมรับว่ารัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเยอะมาก แต่วางเงื่อนไขข้อกำหนดจนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการเข้าถึงการช่วยเหลือได้น้อย

ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไม่ได้ ทำให้ยอดเดินทางเข้าประเทศหดหายไปตลอดทั้งปี ดังนั้น เมื่อรัฐบาลหาช่องทางเปิดทางให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีความพร้อมเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย และเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง เมื่อวางมาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุข หากติดเชื้อรีบนำรักษาและกักตัว 14 วัน จะดึงรายได้นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเข้ามาช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวได้บางส่วน แม้จะไม่ดีเท่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ