แนะปลดล็อกปล่อยกู้ซอฟท์โลน

กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – กมธ.เศรษฐกิจฯ สว.ร่วมมือหลายหน่วยงานช่วยอุ้มเอสเอ็มอี แนะปลดล็อกแก้ไข พ.ร.ก.ปล่อยกู้ซอฟท์โลน ธปท. หลังปล่อยกู้เพียงแสนล้านบาท  ขณะที่สมาคมธนาคารไทยใกล้ครบกำหนดมาตรการพักหนี้  22 ตุลาคมนี้ ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจอาจก่อปัญหาสึนามิรอบใหม่ เอกชนแนะขยายเวลาพักหนี้ต่อลมหายใจ  


นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง “ SMEs เดินหน้าสู้วิกฤติโควิด-19 : หมดมาตรการพักชำระหนี้ ยังมีทางรอด” ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศ 3 ล้านราย เมื่อรวมกับผู้ค้า เอกชนรายย่อยมีกว่า 5 ล้านคน หากรวมถึงผู้ประกอบการภาคเกษตรมีกว่า 10 ล้านครัวเรือน จึงเป็นกลุ่มสำคัญที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลในช่วงปัญหาโควิด โดยเฉพาะเมื่อมาตรการพักหนี้ครบกำหนด เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้มีเงินทุนหล่อเลี้ยงกิจการ ยอมรับว่าหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนดูแลเอสเอ็มอีและผู้ค้ารายย่อย 25 หน่วยงาน หากบูรณาการร่วมกันจะทำให้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ สว.จึงต้องการเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนเหล่านี้ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติม  

นายลักษณ์ วจนานวัช ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการเงิน วุฒิสภา กล่าวว่า ช่วงมีปัญหาโควิด-19 สถาบันการเงินพักหนี้ ลดการชำระเงินระยะเวลา 6 เดือน ตาม พ.ร.ก.พักหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับลูกหนี้ไม่เกิน 100 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า  8.8 ล้านราย มูลหนี้กว่า 7 ล้านล้านบาท  และสถาบันการเงินปล่อยกู้เพิ่มเติมวงเงิน 180,000 ล้านบาท ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้  12 ล้านราย วงเงิน 68,000 ล้าบาท เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ดีช่วงนี้อาจมีปัญหาหนี้เสียมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือดูแลใกล้ครบกำหนดเดือนตุลาคมนี้  จึงต้องหาช่องทางดูแลเพิ่มเติมด้วยการขยายเวลามาตรการ เพื่อให้เอสเอ็มอีและรายย่อยกลับมาฟื้นตัว


สำหรับสินเชื่อซอฟท์โลนของ ธปท.ปล่อยออกสู่ระบบวงเงินกู้กว่า 100,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 500,000 ล้านบาท  เวทีสัมมนาจึงได้เสนอแนะว่าควรมีการแก้ไข พ.ร.ก.ของแบงก์ชาติ เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขบางส่วนในการปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน  เพื่อให้เอสเอ็มอีมีสภาพคล่องมากขึ้น เช่น ข้อกำหนดให้ปล่อยกู้ร้อยละ 20 ของวงเงินกู้ที่เหลือ และเงื่อนไขอื่น ๆ หลายด้าน เอสเอ็มอียังเรียกร้องให้สถาบันการเงินทำการแยกประเภทลูกหนี้ออกให้ชัดเจน เพื่อเลือกช่องทางเข้าไปดูแลผ่านการค้ำประกันโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อให้เอสเอ็มอีเติมสภาพคล่องและช่วยเหลือถูกฝา ถูกตัว

นายมงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ปัญหาโควิด-19 กระทบผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงินกว่า 650,000 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าสูงมาก เพราะกระทบทั้งเจ้าของกิจการ พนักงาน แรงงาน ยอดรวมกว่า 3.25 ล้านราย แม้กระทบเพียงปีเดียว แต่เสียหายรุนแรงมาก หน่วยงานรัฐจึงต้องเป็นหัวหอกคอยช่วยเหลือทั้งการบ่มเพาะกิจการ  การปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน และต้องระวังไม่ให้ปัญหาลุกลามไปยังลูกหนี้การค้าระหว่างเอกชนด้วยกันเอง เพื่อไม่ให้ปัญหาสภาพคล่องลุกลามไปยังการปล่อยกู้ของแบงก์ต่าง ๆ  ยอมรับว่าซอฟท์โลน ธปท.ปล่อยกู้ 2 ปี ผ่อนชำระ 2 ปีแรก เอสเอ็มอีอาจไม่มีกำลังผ่อนชำระ

นางชุลีพร น่วมทนง รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตาม พ.ร.ก.พักหนี้ ลดภาระหนี้ของ ธปท. เพื่อช่วยเหลือการพักเงินต้นและดอกเบี้ยจะครบกำหนด 6 เดือน วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แต่มาตรการพักหนี้ครบกำหนดอาจทำให้เป็นปัญหาสึนามิรอบใหม่ จึงแนะนำให้เอสเอ็มอีรีบมาติดต่อกับแบงก์ เพื่อหาทางอออกร่วมกัน ขณะที่สถาบันการเงินต้องเตรียมตั้งสำรองหนี้หากมีปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มเติม หากขยายเวลามาตรการออกไปจะช่วยผ่อนคลายได้มากขึ้น


สำหรับมาตรการซอฟท์โลน ธปท.ปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ 5-500 ล้านบาท  จากวงเงินทั้งหมดเตรียมรองรับ  500,000 ล้านบาท แต่ปล่อยกู้แล้วกว่า 100,000 ล้านบาท จำนวน  69,000 ราย เฉลี่ยได้รับเงินกู้ 1.7 ล้านบาทต่อราย ยอมรับว่าปล่อยกู้ออกไปได้น้อยมาก สาเหตุลูกหนี้เข้ามาได้รับการช่วยเหลือไม่ได้  เพราะติดเงื่อนไขหลายอย่าง  อีกทั้งช่วงนี้เอสเอ็มอียังไม่สบายใจ คุยกับเจ้าหนี้หลายราย ธนาคารจึงไม่อยากให้ผู้ประกอบการปล่อยเวลาจนครบกำหนด  22 ตุลาคม 2563 เพื่อหาทางออกร่วมกัน

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อเจอปัญหาโควิดผู้ประกอบการโรงแรมต้องยอมลดราคาห้องพัก เช่น จากเดิมขายห้องพักให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 20,000 บาทต่อคืน แต่ขณะนี้ลดราคาเหลือ 2,000 บาทยังยอมขาย เพื่อนำเงินมาดูแลพนักงานโรงแรม เพราะกลุ่มนี้เป็นผู้ให้บริการต้องดูแลรักษาไว้ เมื่อ ธปท.มีสินเชื่อเตรียมไว้ 500,000 ล้านบาท แต่ปล่อยกู้เพียง 100,000 ล้านบาท จึงต้องหาทางช่วยเหลือเพิ่มเติม ยอมรับว่ารัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเยอะมาก แต่วางเงื่อนไขข้อกำหนดจนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการเข้าถึงการช่วยเหลือได้น้อย

ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไม่ได้ ทำให้ยอดเดินทางเข้าประเทศหดหายไปตลอดทั้งปี ดังนั้น เมื่อรัฐบาลหาช่องทางเปิดทางให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีความพร้อมเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย และเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง เมื่อวางมาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุข หากติดเชื้อรีบนำรักษาและกักตัว 14 วัน จะดึงรายได้นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเข้ามาช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวได้บางส่วน แม้จะไม่ดีเท่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]

ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งเร่งออกโฉนดให้ชาวบ้านหนองจาน

สรแก้ว 25 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งที่ดินจังหวัดเร่งดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้ชาวบ้านหนองจานโดยเร็ว พร้อมส่งทีมสำรวจ เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดนให้แล้วเสร็จ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ดินจังหวัด ป่าไม้ ส.ป.ก. ชี้แจงกรณีปัญหาของที่ดินบ้านหนองจาน พร้อมให้ประชาชนแสดงการยื่นเอกสารสิทธิการถือครองที่ดิน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนดให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านกุดผือ ที่มีที่ดินอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้โดยเร็ว โดยมีชาวบ้านนำเอกสารสิทธิ น.ส.2 สค.1 น.ส.3 มายื่นให้เจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบการคัดกรองเพื่อออกโฉนดที่ดินตามนโยบายเร่งด่วน ซึ่งจังหวัดจะแบ่งทีมสำรวจลงพื้นที่เป็น 3 ชุด เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดน ตั้งแต่พื้นที่อำเภออรัญประเทศ อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สร้างความดีใจให้กับประชาชนเป็นอันมาก.- สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]