กรุงเทพฯ 7 ต.ค. – สศค.ยืนยันออกหลายมาตรการดูแลเอสเอ็มอี ทั้งพักชำระหนี้ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ค้ำประกันสินเชื่อ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ชี้แจงกรณีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลเอสเอ็มอีจากการแชร์ข้อมูลของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในสื่อโซเชียลมีเดีย ว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการด้านการเงิน เพื่อให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี ดังนี้ 1.พ.ร.ก. Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แบ่งเป็นมาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม วงเงินรวม 500,000 ล้านบาท โดย ธปท.ให้สถาบันการเงินกู้ยืมในอัตรา 0.01% ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้แก่เอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินไม่เกิน 20% ของยอดสินเชื่อคงค้างของลูกหนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดยเอสเอ็มอีไม่ต้องชำระดอกเบี้ย 6 เดือนแรก และพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับเอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เพื่อให้ เอสเอ็มอีไม่ต้องมีภาระในการชำระหนี้แก่สถาบันการเงินเป็นระยะเวลา 6 เดือน
2.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Soft Loan พลัส วงเงินค้ำประกัน 57,000 ล้านบาท โดย บสย.ค้ำประกันสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่มีคุณสมบัติตาม พ.ร.ก. Soft Loan คิดอัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 8 ปี โดยเริ่มค้ำประกันและเก็บค่าธรรมเนียมต้นปีที่ 3 นับจากวันที่ได้รับสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น และสามารถปล่อยสินเชื่อในแก่เอสเอ็มอียาวขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัวในการอนุมัติสินเชื่อ และให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ดังนี้ 1. ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเอสเอ็มอีทั่วไปและเอสเอ็มอีธุรกิจท่องเที่ยวกลุ่มละ 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อต่อให้เอสเอ็มอีวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดยธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีโดยตรง 3,000 ล้านบาท และยังมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอีขนาดเล็กในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี
2. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ดำเนินโครงการสินเชื่อ Extra Cash วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับเอสเอ็มอีขนาดย่อมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี 3. บสย.ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 8 วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับ เอสเอ็มอีทั่วไป วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย อัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ค้ำประกัน 10 ปี 4. รัฐบาลยังมีโครงการช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายย่อยผ่านกองทุน สสว. โดยให้สินเชื่อแก่เอสเอ็มอีทั่วไป รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง วงเงินต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ระยะเวลากู้ 7 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ร่วมกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจัดทำเว็บไซต์ www. เราไม่ทิ้งกัน-ด้านการเงิน .com และ ธปท. ได้จัดทำเว็บไซต์ www. bot.or.th /covid19 เพื่อรวบรวมมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลและมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยกระทรวงการคลังได้มีติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนแก้ไขปัญหาข้อติดขัดในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ และพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลเศรษฐกิจไทยได้อย่างทันการณ์ต่อไป.-สำนักข่าวไทย