fbpx

ธนาคารโลกคาดจีดีพีไทยปีนี้ -8.3% ใช้เวลาเกือบ 3 ปีฟื้น

กรุงเทพฯ  29 ก.ย. – ธนาคารโลกมองไทยใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ตรงเป้า พร้อมคาดจีดีพีไทยปีนี้ -8.3% ใช้เวลาฟื้นตัวนานขึ้นเกือบ 3 ปี


ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานอัพเดทด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกประจำเดือนตุลาคม 2563 โดยคาดการณ์ว่าปี 2563 ภูมิภาคนี้จะเติบโตขึ้นเพียง 0.9% ซึ่งเป็นอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2510 โดยจีนคาดว่าจะเติบโต 2% เนื่องจากจีนสามารถควบคุมการติดเชื้อใหม่ได้ในอัตราที่ต่ำนับตั้งแต่เดือนมีนาคมและยังมีการเพิ่มการลงทุนของภาครัฐต่อนับตั้งแต่เดือนมีนาคมและจะสามาเติบโตได้ถึง 7.9% ในปี 2564  สำหรับประเทศอื่นในภูมิภาคคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลงโดยเฉลี่ย -3.5% และปี 2564 จะขยายตัวได้เฉลี่ย 5.1% ขณะที่ไทยคาดว่าตัวเลขจีดีพีปีนี้จะติดลบประมาณ -8.3% และกรณีแย่สุด คือ -10.4% และในปี 2564 จะสามารถขยายตัวได้ 4.9% 

 นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด มาตรการด้านสาธารณสุข และมาตรการเยียวยากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทั้งในและนอกระบบของรัฐบาลนั้นสามารถทำได้ดี และมองว่าไทยจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้เหมือนวิกฤติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ขณะที่ตัวเลขประมาณการณ์จีดีพีไทยมีความเป็นไปได้ที่จะติดลบทั้ง -8.3% และ -10.4%


ขณะที่การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์มองว่าส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมาได้ จึงมองว่ารัฐบาลต้องพยายามหาสมดุลระหว่างนโยบายด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ ซึ่งการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อประเทศไทยได้ ขณะที่ระยะยาวต้องถามว่าจะอยู่กับมาตรการนี้ที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางและเศรษฐกิจได้อีกนานแค่ไหน

ส่วนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยถือว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค แต่มองว่ามาตรการต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากกว่านี้ และรัฐบาลควรดำเนินนโยบายรอบ 2 โดยถอดบทเรียนจากการดำเนินนโยบายรอบแรก โดยมองมาตรการคนละครึ่งที่ให้เงินคนละ 3,000 บาท อาจไม่ตรงจุด จึงควรมีมาตรการอื่นเพิ่มอีกเพื่อกระตุ้นการบริโภค และสิ่งสำคัญ คือ จะคงสภาพการจ้างงานได้อย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ด้านคุณเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าวว่า กรณีแย่สุดจีดีพีไทยจะติดลบถึง 10.4% คือ เกิดการระบาดรอบ 2 และนำไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งไทยยังมีภาวะช็อคจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปีที่ส่งผลต่อรายได้ภาคเกษตรและภัยแล้งยังเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงจากน้ำท่วม รวมทั้งเสถียรภาพทางการเมือง โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจและการชุมนุมที่ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะส่งผลไปถึงการดำเนินนโยบายและทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าลง อย่างไรก็ตาม จากคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้ -8.3% เศรษฐกิจไทยจะใช้เวลา 2 ปีในการฟื้นตัว แต่หากปีนี้ -10.4% ก็อาจจะใช้เวลานานขึ้นถึง 3 ปี เศรษฐกิจจึงจะกลับไปสู่ระดับเดียวกับก่อนเกิดโควิด


รายงานของธนาคารโลกยังระบุว่าความยากจนในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยคาดว่าปีนี้จะมีคนยากจนเพิ่มขึ้นเป็น 38 ล้านคน และยังสร้างชนชั้นที่เรียกว่า “คนจนกลุ่มใหม่” ขึ้นมา พร้อมแนะทางเลือกของนโยบาย เช่น การลงทุนในการตรวจคัดกรองและความสามารถในการติดตาม และการขยายการให้ความคุ้มครองทางสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือคนจนและผู้ที่อยู่นอกระบบ เป็นต้น หากไม่มีการดำเนินการรับมือในรูปแบบที่หลากหลาย โรคระบาดอาจทำให้การเติบโตของภูมิภาคน้อยลงในช่วง 10 ปี ประมาณ 1% ต่อปี ซึ่งจะกระทบต่อครัวเรือนที่ยากจนมากที่สุด

นอกจากนี้ หนี้สินของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งงบดุลของธนาคารที่ย่ำแย่และความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุนของภาครัฐและเอกชน และความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยมีการคาดการณ์ว่างบประมาณที่ขาดดุลอย่างมหาศาลในภูมิภาคนี้จะเพิ่มหนี้ให้กับรัฐบาลมากขึ้นเฉลี่ย 7% ของจีดีพีปี 2563 ซึ่งในรายงานเรียกร้องให้มีการปฏิรูปงบประมาณ เพื่อระดมรายได้ผ่านการเรียกเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้าและลดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ลง และยังพบว่าบางประเทศมีหนี้ค้างสะสมที่ไม่สามารถจัดการได้และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรภายนอก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ตร.ขอความเป็นธรรม ปมโดนให้ออกจากราชการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หอบหลักฐานยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ

เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลโรงงานย่านพระราม 2

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลในโรงงานย่านพระราม 2 ควันสีขาวลอยโขมง เบื้องต้นพบเป็นสารไทโอยูเรีย

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง