ทำเนียบฯ 29 ก.ค. – ครม.เห็นชอบผ่อนปรนเงื่อนไขนอนแบงก์ร่วมปล่อยกู้ซอฟท์โลน ช่วยลูกหนี้รายย่อยเสริมสภาพคล่อง
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงินจากเหตุระบาดของโควิด-19 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
สำหรับสาระสำคัญ คือ ไม่นำเงื่อนไขอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 43 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาใช้บังคับผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ที่ได้รับสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง และได้นำสินเชื่อนั้นไปช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 ทั้งนี้ เงื่อนไขที่ระบุไว้ปัจจุบัน ในกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ฉบับที่2 (พ.ศ.2516) คือ “เงินกู้ทั้งสินที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตต้องไม่เกิน 7 เท่าของเงินทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น”
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงผ่อนปรนเงื่อนไขฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 และได้ผ่านการเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลนอนแบงก์เรียบร้อยแล้ว โดย ธปท.มีความเห็นว่าการผ่อนปรนดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ขัดกับหลักการของแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 3
“วันนี้กฎกระทรวงจึงยกเว้นไม่ต้องนำเงื่อนไขอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่กำหนดว่าต้องไม่เกิน 7 เท่ามาใช้ ให้ยกเว้นไปก่อน ทำให้นอนแบงก์มีโอกาสไปกู้ได้มากขึ้นจากธนาคารที่ร่วมมาตรการซอฟท์โลนของ ธปท.และนำเงินกู้มาปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้รายย่อย เรื่องนี้ถือว่าเร่งด่วนจะให้กฤษฎีกาตรวจสอบและจะมีผลทันทีเมื่อประกาศใช้” นางสาวรัชดา กล่าว.-สำนักข่าวไทย