กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-กรมทางหลวง แจง มาตรการเร่งแก้ปัญหาจราจรติดหนัก 3 จุดวิกฤติ บนถนนพระราม 2 ขออภัยผู้ใช้เส้นทางโครงการขยายเส้นทางจะแล้วเสร็จราวสิ้นปี64 แจงกองทรายเกาะกลางถนนต้องทิ้งไว้ 5 เดือนป้องกันดินทรุดตัว
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมฯได้ประชุมเพื่อหาแนวทางบรรเทา ความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้ถนนพระราม 2 ที่ขณะนี้มีข้อร้องเรียนว่าเกิดปัญหาวิกฤติจราจร โดยเส้นทางดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอน ทางแยกต่างระดับ บางขุนเทียน – เอกชัย ระหว่าง กม.9+800.000 – กม.21+500.000 ระยะทางประมาณ 11.700 กิโลเมตร โดยทำการขยายคันทางเดิมจาก 10 ช่องจราจร เป็น 14 ช่องจราจร เป็นการก่อสร้างขยาย ในช่องทางขนานจาก 2 ช่องจราจร เป็น 3 ช่องจราจร และในช่องทางหลัก จาก 3 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมยกระดับสูงขึ้นประมาณ 0.40 – 0.70 เมตร และก่อสร้างสะพานกลับรถเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ กม. 12+000.000 (แสมดา) และ กม. 16+000.000 (ก่อนถึงซอยพันท้ายนรสิงห์)
จากการประชุม ปัจจุบันพบว่าบริเวณที่เป็นปัญหาหลักก่อให้เกิดการจราจรติดขัดจำนวน 3 จุด คือ
1) บริเวณ กม. 13+500 ขาเข้า มีการก่อสร้างในทางขนาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง และเป็นช่วงที่มีรถจากทางขนานวิ่งตัดเข้าสู่เส้นทางหลัก ทำให้เกิดการชะลอตัวของรถบนทางสายหลัก จึงบริหารจัดการจราจรใหม่เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร และจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ายตำแหน่งจุดจอดรถประจำทางออกจากบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง พร้อมเร่งรัดจัดทางเท้าเพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน
2) บริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์ ฝั่งขาออก พบว่าเป็นแหล่งชุมชน มีสถานประกอบการ โรงงาน และที่พักอาศัยจำนวนมาก ทำให้มีปริมาณรถเข้า – ออก จำนวนมาก โดยบริเวณนี้ จำเป็นต้องมีการก่อสร้างวางท่อระบายน้ำในช่องทางขนาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง กรมทางหลวงจึงได้สั่งการให้เร่งรัดการก่อสร้าง พร้อมคืนผิวจราจรให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนสิงหาคม 2562
3) บริเวณฝั่งตรงข้ามซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ฝั่งขาเข้า มีการก่อสร้างในทางขนาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง เป็นเหตุให้มีรถติดสะสม จึงสั่งการให้เร่งรัดการก่อสร้างและปูผิวจราจรให้แล้วเสร็จครบ 3 ช่องจราจร ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562นี้
ส่วนกรณีที่ประชาชนเป็นห่วงพื้นที่ก่อสร้างบริเวณเกาะกลางที่มีการถมทรายแล้วไม่มีเครื่องจักรไปเข้าทำงาน กรมทางหลวงขอชี้แจงว่า ในกระบวนการก่อสร้างต้องใช้ระยะเวลารอคอยการทรุดตัวประมาณ 5 เดือน หากครบเวลาจะเร่งดำเนินการทันที ส่วนในประเด็นเรื่องความหนาของผิวทางที่มีการออกแบบไว้ 13 เซนติเมตร แล้วประชาชน เกรงว่าจะเกิดความเสียหายหลังเปิดการใช้งานนั้น กรมทางหลวงได้พิจารณาทบทวน ตามสภาพแวดล้อมและปริมาณการจราจรที่เปลี่ยนแปลงไป และทำการเพิ่มความหนาของผิวลาดยางเป็น 20 เซนติเมตรแล้ว สำหรับประเด็นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง ได้สั่งกำชับให้ผู้รับจ้าง และผู้ควบคุมงาน ดำเนินการตรวจสอบการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยในพื้นที่ก่อสร้างให้ปลอดภัย
“เมื่อโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จสิ้นปี2564 หรือต้นปี2565 จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังลดระยะเวลาการเดินทางของโครงข่ายถนนโดยรอบ ผู้ใช้เส้นทางจะได้รับความสะดวก ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ช่วงนี้ต้องขออภัยผู้ใช้ทางที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง และขอความร่วมมือผู้ใช้ทาง ได้ปฏิบัติตามกฎ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ อย่างเคร่งครัด”อธิบดีกรมทางหลวงกล่าว
อย่างไรก็ตามกรมทางหลวงขอแนะนำให้ผู้ใช้เส้นทางวางแผนการเดินทาง โดยศึกษาแผนที่ทางเลี่ยงจากเว็บไซด์ของกรมทางหลวงที่ www.doh.go.th หรือ ทาง Facebook กรมทางหลวง นอกจากนี้ กรมทางหลวงจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปิด-ปิด ช่องจราจร ระหว่างการก่อสร้าง ในช่องทางดังกล่าวด้วย ผู้ใช้ทางสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 โทรฟรี 24 ชม.-สำนักข่าวไทย