กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – TB-CERT แจงเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้ารั่วจากธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทย ยันพร้อมรับมือภัยไซเบอร์
นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ชี้แจงกรณีข้อมูลลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทยรั่วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 ว่า ได้รับทราบจากธนาคารทั้ง 2 ถึงเหตุการณ์นี้ และได้รีบดำเนินการวิเคราะห์และร่วมมือในการช่วยเหลือในการหาสาเหตุที่เกิดขึ้นทันที ซึ่ง TB-CERT พบว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้เทคนิคขั้นสูงเข้ามาโจรกรรมข้อมูลลูกค้าของธนาคารทั้ง 2 โดยการพยายามหาช่องทางต่าง ๆ ที่มีช่องโหว่ เมื่อพบแล้วก็ทำการเจาะระบบเข้าไปเพื่อขโมยข้อมูลออกไป ดังนั้น TB-CERT จึงมีการแชร์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ธนาคารสมาชิกของ TB-CERT ทั้งหมดทำการตรวจสอบและหากพบช่องโหว่จะมีการปิดช่องโหว่เหล่านั้นทันที โดยได้ออกเป็นคำแนะนำทางเทคนิค เพื่อให้สมาชิกที่เหลือได้ปฏิบัติตามอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ การที่สมาชิกได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกันนั้น เพื่อเป็นการร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อเตรียมการป้องกันให้พร้อมรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที จำกัดความเสียหายที่อาจกระจายออกไปในวงกว้างและไม่ให้กระทบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อระบบสถาบันการเงินซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ
สำหรับสิ่งที่ TB-CERT ได้ให้คำแนะนำในการแก้ไขและป้องกันเบื้องต้นกับธนาคารสมาชิก ตรวจสอบการ Update Patch ทั้ง Operating System และ Application ของระบบธนาคาร ทำการตรวจสอบช่องโหว่และทดสอบการเจาะระบบที่ให้บริการออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตให้ครบถ้วนและสม่ำเสมอ สอบทานการแบ่งแยกขอบเขตของเครือข่ายของระบบงาน (Network Zoning) ทบทวนการตั้งค่าไฟร์วอลล์และอุปกรณ์ป้องกันความมั่นคงปลอดภัยเพื่อปิดกั้นการเชื่อมต่อจากชุดไอพีและรูปแบบการโจมตีต่างๆ จากภายนอกพร้อมทั้งเฝ้าระวังบริการออน์ไลน์เป็นพิเศษ ทบทวนการตั้งค่าของ Web Application และพารามิเตอร์ด้านความปลอดภัยต่างๆ ของเซิร์ฟเวอร์ เพื่อป้องกันการโจมตีตรวจสอบการบุกรุกจากล็อกไฟล์ต่าง ๆ ของระบบธนาคาร ติดตั้งและอัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์ให้เป็นปัจจุบัน
นายกิตติ กล่าวว่า ขอให้มั่นใจกระบวนการทำงานของ TB-CERT ในการยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของภาคการธนาคารให้สูงขึ้นและมีการพัฒนาบุคลากรและความรู้ต่าง ๆ ด้าน Cybersecurity อย่างต่อเนื่องให้กับธนาคารสมาชิก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานยุคปัจจุบันและสามารถรับมือกับเหล่าแฮกเกอร์ที่มีความสามารถสูงขึ้นทุกวันได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ การที่ธนาคารพัฒนาการทำธุรกรรมออนไลน์ ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความสะดวกและมีความคล่องตัวในการดำเนินงาน สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งธนาคารได้มีการพัฒนาระบบควบคู่กับการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์อยู่เสมอ.-สำนักข่าวไทย