สนพ.ขันน๊อตระบบก๊าซชีวภาพทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ 10 ธ.ค.- กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ติดตามการทำงาน  ตรวจเยี่ยม และสำรวจระบบผลิตก๊าซชีวภาพ ในฟาร์มปศุสัตว์จำนวน 310 แห่ง  พบว่าระบบก๊าซชีวภาพยังอยู่ในเกณฑ์ใช้งานได้ดี  


นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า  ที่ผ่านมากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดย สนพ. ได้ให้การสนับสนุนโครงการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน เริ่มตั้งแต่ปี 2538-2556 มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,164 ฟาร์ม ซึ่งบางฟาร์มมีอายุการใช้งานระบบยาวนานกว่า 10 ปี ทำให้มีประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพลดลง  ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพของระบบก๊าซชีวภาพฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ที่เคยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ   ทาง สนพ. จึงได้มอบหมายให้  สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการตรวจเยี่ยม และสำรวจโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก และโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ที่มีอายุการใช้งานของระบบฯ ไม่ต่ำกว่า 5 ปี  จำนวน 310 แห่ง เพื่อให้คำแนะนำและฝึกอบรม การดูแลแก้ไขปรับปรุงและบำรุงรักษาระบบให้กับผู้ประกอบการฟาร์ม แบบ Onsite Training  โดยเริ่มเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ถึงเดือนกรกฎาคม 2560 จากผลการสำรวจฟาร์มทั้ง 310 แห่ง พบว่าสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้รวมทั้งสิ้น 24,966,810 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยแบ่งเป็น กลุ่มฟาร์มที่มีประสิทธิภาพในการทำงานของระบบสูงกว่าร้อยละ 80 ของกำลังการผลิต จำนวน 194 ฟาร์ม สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ 15,704,040 ลูกบาศก์ เมตรต่อปี และกลุ่มฟาร์มที่มีประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่ำกว่าร้อยละ 80 ของกำลังการผลิต จำนวน 116 ฟาร์ม  สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ 9,262,770 ลูกบาศก์เมตรต่อปี  อย่างไรก็ตาม หากฟาร์มที่อยู่ในกลุ่มที่มีประสิทธิภาพในการทำงานของระบบฯ ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของกำลังการผลิต สามารถปรับปรุงระบบตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ที่ได้เข้าฝึกอบรมจากโครงการฯ แบบ Onsite Training เพื่อให้ระบบกลับมาใช้งานได้ หรือทำให้ระบบมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80 ของกำลังการผลิต จะทำให้สามารถผลิตก๊าซชีวภาพเพิ่มขึ้นอีก 3,089,290 ลูกบาศก์เมตร/ปี เทียบเท่าพลังงานไฟฟ้า 6,178,580 หน่วย/ปี หรือคิดเป็น 24,096,462 บาท/ปี คิดจากค่าไฟฟ้า 3.9 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่าพลังงานไฟฟ้า 531 ตัน เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อปี


“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สนพ. ได้มีการส่งเสริมให้มีการนำของเสีย ทั้งจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม มาผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้แล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซมีเทนอันเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน ซึ่งผลที่ได้รับถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก ดังนั้นโรงงานหรือผู้ประกอบการ ควรหมั่นดูแลระบบให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานขององค์กรของท่านได้อย่างต่อเนื่อง” ผอ.สนพ. กล่าว-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย