กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – นักวิเคราะห์คาดหลังสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก (9 ก.ย.) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 3,682.20 ดอลลาร์/ออนซ์ นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง หลังจากทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 3,600 ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้ ซึ่งความคาดหวังดังกล่าวจะดึงดูดกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่ทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ได้เปรียบในช่วงดอกเบี้ยขาลง
ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตา โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ เรื่องการโจมตีและแรงกดดันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อเฟด ซึ่งทำให้ตลาดกังวลถึงเสถียรภาพและความเป็นอิสระของธนาคารกลางมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนจับตาคำตัดสินสำคัญเกี่ยวกับการถอดถอนผู้ว่าการเฟด ลิซา คุก โดยหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะยิ่งเป็นการตอกย้ำแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้ประเมินว่า หากเฟดสูญเสียความเป็นอิสระ ราคาทองคำอาจพุ่งแตะเกือบ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อีกทั้งตลาดทองคำได้รับแรงหนุนต่อเนื่อง จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง และเมื่อบวกเข้ากับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และการค้าโลกที่ยังไม่คลี่คลาย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ภาพรวมทองคำยังเป็นบวก โดยเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจทั้งในระยะกลางถึงระยะยาว
ทางบริษัทฯ แนะนำกลยุทธ์ รอย่อตัวเข้าซื้อที่ $3,555 / $3,525 เนื่องจากภาพรวมทองคำยังเป็นบวก โดยตลาดจับตาท่าทีดอกเบี้ยเฟด รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศเพิ่มเติม ซึ่งหากท่าทีดอกเบี้ยเฟดยังคงส่งสัญญาณไปในทิศทางผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ทำให้คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสขึ้นทดสอบโซนต้าน $3,630–$3,650 (ราคาทองคำไทยประมาณ 54,800 / 55,000 บาท) หากยังเบรกโซนนี้ขึ้นไปได้ จะเป็นการเปิดทางสู่ $3,700 ต่อไป (ราคาทองคำไทยประมาณ 55,500 บาท) ดังนั้น นักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะและรอเล่นสั้น อาจพิจารณาการย่อตัวในช่วง 1-2 วันแรกของสัปดาห์ หากราคาทองคำย่อตัวลงแต่ไม่หลุดแนวรับระยะสั้น $3,555 / $3,525 ให้ทยอยเข้าซื้อเก็บเพื่อเล่นรอบ (ราคาทองคำไทยอาจอยู่ประมาณ 53,850 / 53,600 บาท)
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ แย่กว่าคาดการณ์ นอกจากนี้กรรมการเฟดส่งสัญญาณเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ โดยเครื่องมือ FedWatch บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3 ครั้ง จากเดิม 2 ครั้ง โดยนักลงทุนให้น้ำหนัก 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐฯ เผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสงครามการค้า และความไม่แน่นอนของปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักลงทุนยังคงเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ล่าสุดทางยูเครน ประกาศว่าจะตอบโต้รัสเซียด้วยการสั่งโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียมากขึ้น หลังจากที่รัสเซียใช้โดรนโจมตีโรงไฟฟ้าทางตอนเหนือและตอนใต้ของยูเครน ส่งผลให้ประชาชนราว 60,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้
ด้านสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อิสราเอลได้ส่งรถถังรุกเข้าไปในฉนวนกาซา พร้อมจุดระเบิดยานพาหนะเก่าในย่านชานเมือง และการโจมตีทางอากาศคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 19 ราย ขณะที่กลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแดงที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอล ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม อาจมีแรงขายทำกำไรระหว่างสัปดาห์ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,545-3,650$/Oz แนะนำรอซื้อเมื่อราคาทองคำย่อตัว. -511-สำนักข่าวไทย