กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 มี 43,838 ราย เม็ดเงินลงทุนทะลุ 1.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% โดยเฉพาะพื้นที่ EEC ที่ยังเป็นแม่เหล็กลงทุนสำคัญของภูมิภาค
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนมิถุนายน 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,023 ราย ลดลง 328 ราย (-4.46%) เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 ในขณะที่ทุนจดทะเบียนเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 18,113 ล้านบาท ลดลง 9,866 ล้านบาท (-35.26%) เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567
การจัดตั้งใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568) มีจำนวน 43,838 ราย ลดลง 2,545 ราย (-5.49%) ในขณะที่ทุนจดทะเบียน 149,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,061 ล้านบาท (2.80%) ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 3,490 ราย 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2,870 ราย และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 1,832 ราย คิดเป็นสัดส่วน 7.96%, 6.55% และ 4.18% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2568 ตามลำดับ

การจดทะเบียนเลิกครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568) มีจำนวน 6,244 ราย เพิ่มขึ้น 205 ราย (3.39%) เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 (6,039 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 30,544 ล้านบาท ลดลง 46,205 ล้านบาท (-60.20%) เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 (76,748 ล้านบาท) โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 547 ราย 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 316 ราย และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 276 ราย คิดเป็นสัดส่วน 8.76%, 5.06% และ 4.42% จากจำนวนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2568 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกของปี 2568 แม้ตัวเลขการจัดตั้งธุรกิจจะชะลอตัวบ้าง แต่เงินลงทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ในส่วนของการจดเลิกธุรกิจตัวเลขขยับขึ้นเล็กน้อยแต่ทุนเลิกลดลง ซึ่งถือว่าเป็นไปตามวัฎจักรของการจดทะเบียนธุรกิจ โดยสัดส่วนการจัดตั้งธุรกิจต่อการจดทะเบียนเลิกมีสัดส่วนอยู่ที่ 7:1 กล่าวคือ จัดตั้ง 7 ราย เลิก 1ราย โดยสัดส่วนนี้เท่ากับค่าเฉลี่ยของครึ่งปีแรกในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (2563-2567)
ด้านการลงทุนของชาวต่างชาติครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568)ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มีจำนวน 502 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 123 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 379 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 111,506 ล้านบาท โดยการอนุญาตฯ ในครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568) มีจำนวนเพิ่มขึ้นจำนวน 117 ราย (30%) เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 (385 ราย) และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 30,019 ล้านบาท (37%) เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 (81,487 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 99 ราย , สหรัฐอเมริกา 72 ราย , จีน 65 ราย , สิงคโปร์ 63 ราย และ ฮ่องกง 51 ราย คิดเป็น 10% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 8,309 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติในครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568) มี 158 ราย คิดเป็น 31% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 42 ราย (36%) มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 62,851 ล้านบาท คิดเป็น 56% ของเงินลงทุนทั้งหมด. -511- สำนักข่าวไทย