กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เตรียมประชุมกรรมการสหพันธ์ 19 มิ.ย.นี้ เพื่อหาข้อสรุปเสนอรัฐบาลแก้ปัญหาการจราจรวิกฤติในท่าเรือแหลมฉบัง
หลังจากที่สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่า “ผู้ส่งออกวอนรัฐบาลจริงจังและเร่งแก้ไขปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนหัวลากดีเดย์ 1 ก.ค.2568 ขึ้นค่าขนส่งอีกเที่ยวละ 3,000-5,000 บาท” ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและหากไม่รีบแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากประเมินว่าต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงปีละ 20,000 ล้านบาทนั้น
ดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวไทย ว่า ทางสหพันธ์ฯได้ส่งหนังสือไปยัง 3 หน่วยงาน คือ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ถึงปัญหาวิกฤตการจราจรในท่าเรือแหลมฉบังทั้งขาเข้าและขาออกซึ่งปัญหานี้เกิดมานานแล้ว โดยรถบรรทุกที่เข้าไปส่งสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จะพบเจอปัญหาจราจรติดขัดนานถึง 10-20 ชั่วโมงต่อครั้ง ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งแบกรับภาระไม่ไหว เพราะมีปัญหาตามมา 3 เรื่องหลักๆคือ 1.ปัญหาสุขภาพของคนขับรถ 2.ปัญหาคนขับรถไม่สามารถวิ่งงานได้ต่อเนื่อง และ 3. ตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งออกก็ติดค้างอยู่ในนั้นซึ่งทางรัฐบาลจะต้องรีบแก้ไข โดยวันที่ 1 กรกฎาคมนี้จะมีการปรับค่าจอดรอคอยผู้นำเข้าและส่งออกที่เกิน 3 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 8 ชั่วโมง คันละ 3,000 บาท แต่ถ้าจอดเกินระหว่าง 8-20 ชั่วโมงจะปรับคันละ 5,000 บาทต่อครั้งต่อเที่ยว ซึ่งภาระตรงนี้จะตกกับผู้ประกอบการขนส่ง โดยปัญหานี้ได้แจ้งให้รัฐบาลทราบเป็นระยะๆ ในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขและเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ทางสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ได้ยื่นหนังสือถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อให้ทางกระทรวงคมนาคมแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายนนี้ ทางสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อขอมติที่ประชุมนำไปเสนอต่อรัฐบาลต่อไป โดยยืนยันว่าปัญหานี้ถือเป็นปัญหาวิกฤต. -513-สำนักข่าวไทย