โฆษก ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย.68 ปรับตัวดีขึ้น

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – โฆษก ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน 2568 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.5%


นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงเศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายนปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามการผลิตภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และการลงทุนภาคเอกชน โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นในหลายหมวด โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง สอดคล้องกับยอดขายในประเทศที่ปรับดีขึ้น ขณะที่การผลิตในบางหมวดเพิ่มขึ้นจากการสะสมสินค้าคงคลัง หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับดีขึ้นบ้าง 2.5% หลังชะลอมากในช่วงก่อนหน้า แต่ยังหดตัวจากปีก่อนซึ่งเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 2.5 ล้านคน รายรับเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมคิดเป็น 5.4% โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติ โดยเฉพาะจากมาเลเซียและตะวันออกกลาง หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน หลังจากลดลงมากในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้นจากวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ และเมื่อนับรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือนมกราคมถึงวันที่ 25 พฤษภาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 13.9 ล้านคน

สำหรับนโยบายการค้าสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจชัดเจนนัก โดยการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัว การส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯชะลอลงบ้างแต่ยังอยู่ในระดับสูง และเห็นสัญญาณการเร่งนำเข้าในกลุ่มวัตถุดิบและชิ้นส่วนประกอบ ทำให้ประเมินว่าการส่งออกไปสหรัฐฯ น่าจะยังมีแรงส่งในระยะสั้นก่อนมาตรการภาษีจะมีผล โดยประเด็นที่ต้องติดตาม 1) นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 2) พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว 3) การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น และ 4) แรงส่งจากภาคการคลัง


การลงทุนภาคเอกชนเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อน โดยเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดยานพาหนะ โดยหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนในหมวดคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้สำนักงาน และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับหมวดยานพาหนะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งและการลงทุนในเครื่องบิน เรือ และหัวรถจักร ด้านหมวดก่อสร้างทรงตัวโดยหมวดที่อยู่อาศัยปรับดีขึ้น ขณะที่หมวดที่มิใช่ที่อยู่อาศัยลดลงตามการก่อสร้างโรงแรมเป็นสำคัญ

การบริโภคภาคเอกชนเดือนเมษายนลดลง 1.5% จากเดือนก่อน โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน จากหมวดบริการที่ลดลงจากหมวดโรงแรมและภัตตาคาร ตามการใช้จ่ายของคนไทยในประเทศและคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่วนหนึ่งจากการส่งมอบรถยนต์ที่สั่งจองในงานจัดแสดงรถยนต์ (Motor Show)

การส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำเดือนเมษายนลดลง 2.1% จากเดือนก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออก (1) สินค้าเกษตร ตามการส่งออกยางธรรมชาติไปจีนที่ชะลอลงหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า และการส่งออกทุเรียนไปจีน (2) ยานยนต์ ตามการส่งออกรถกระบะไปออสเตรเลียและอาเซียน ชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐฯ และรถยนต์นั่งไปตะวันออกกลางและอาเซียน และ(3) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการส่งออกอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมไปสหรัฐฯ หลังเร่งส่งออกไปในเดือนก่อน


มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.7% จากหมวดสินค้าทุนไม่รวมเครื่องบินตามการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์รวมถึงหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ไม่รวมเชื้อเพลิงตามการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าสอดคล้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม หมวดเชื้อเพลิงปรับลดลงตามปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นสำคัญ

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัว 31.6% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำนาญ ค่าตอบแทนบุคลากร และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ สำหรับรายจ่ายลงทุนขยายตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคและคมนาคม ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการลงทุนในโครงการด้านสาธารณูปโภค

รายได้เกษตรกรหดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อน 0.5% จากด้านราคาเป็นสำคัญ เป็นผลจากอุปทานไทยและโลกที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่หดตัวได้แก่(1) ข้าวขาว ตามอุปทานข้าวทั้งของไทยและของโลกที่เพิ่มขึ้นตามการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย (2) ทุเรียน ตามการส่งออกที่ลดลงจากความล่าช้าในการตรวจสอบสารตกค้างของตลาดส่งออกหลัก (3) ยางพาราและอ้อย จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และ (4) มันสำปะหลัง ตามความต้องการมันเส้นจากจีน

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อย 0.22% ตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ จากราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าของภาครัฐ สำหรับหมวดอาหารสดลดลงจากผลของฐานสูงในราคาผักและผลไม้ที่มีปัญหาภัยแล้งในปีก่อน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป จากการลดการทำโปรโมชันอาหารโทรสั่ง (delivery)รวมถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง

สำหรับภาวะตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นเล็กน้อย 0.3% จากเดือนก่อน ตามจำนวนผู้ประกันตนมาตรการ 33 ที่เพิ่มขึ้นในหลายสาขา โดยเฉพาะเหมืองแร่ ภาคการผลิต โรงแรมและร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม สัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรวมและรายใหม่ต่อผู้ประกันตนรวมปรับเพิ่มขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากดุลการค้าเป็นสำคัญ -1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรที่น้อยลงของบริษัทต่างชาติในไทยเป็นสำคัญ. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]

“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่

อ่างทอง 20 ก.ย. – “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง จังหวัดแรก ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่ ทำงานเต็มที่ หวังประชาชนเลือกกลับเข้ามาอีก พร้อมอวยพรวันเกิด “ภราดร” ครบ 46 ปี เจ้าตัวถึงกับคุกเข่ามอบมาลัยขอบคุณ “อนุทิน“ อ้อนชาวอ่างทอง อสม.แฟนเก่า ขอยืมตัว “ลูกแบด” ไปเป็น รมต. คุมสำนักงบฯ ตามติดตัว 24 ชั่วโมง บอกเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นหาเมีย ขณะครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ปลื้ม คนดังการเมืองตบเท้าแน่น “อนุทิน” ประกาศเชียร์คืนความเป็นธรรม อดีตผู้ว่าฯ อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม เดินทางมาที่ อบจ.อ่างทอง เพื่อพบปะกับประชาชน และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุครบ 46 ปี ซึ่งมีครอบครัว ทั้งนายสมศักดิ์ […]

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]