กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – พาณิชย์เผยส่งออกไทยเดือนเมษายน 2568 โต 10.2% ต่อเนื่องเดือนที่ 10 ย้ำรัฐบาล “แพทองธาร” 7 เดือน ส่งออกไทยโต 12.5% มั่นใจทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 4% ย้ำเร่งเจรจาสหรัฐ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 90 วัน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขส่งออกเดือนเมษายน 2568 มีมูลค่ารวม 25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 857,700 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.2 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยหากหักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกยังขยายตัวร้อยละ 7.1 โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดยลาดส่งออกสำคัญของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อาเซียน และสหภาพยุโรป ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 14.0 และหากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 12.1 และในช่วง 7 เดือนของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เข้ามาบริหารประเทศ การส่งออกขยายตัวได้ถึง 12.5% ซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขในระดับนี้มาหลายสิบปีแล้ว
“การส่งออกยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยแม้ในกรณีที่ในช่วง 8 เดือนที่เหลือ การส่งออกไม่เติบโตเพิ่มเติมเลย ไทยก็ยังจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยได้มากกว่าร้อยละ 4 ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า และหากสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ให้ไทยได้รับอัตราภาษีในระดับเดียวกับประเทศอื่น ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยได้อีกมาก” นายพิชัยกล่าว พร้อมระบุว่าการเจรจากับสหรัฐฯ คืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 90 วัน


ภาพรวมเดือนเมษายน 2568 การส่งออกของไทยโดยรวม มีมูลค่า 25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.2 การนำเข้า มีมูลค่า 28,946.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 16.1 ขาดดุลการค้า 3,321.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.68) การส่งออก มีมูลค่า 107,157.4 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 14.0 การนำเข้า มีมูลค่า 109,397.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 9.6 ขาดดุลการค้า 2,240.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 8.4 (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้าเกษตร หดตัวร้อยละ 19.6 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 9.1 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 22.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 18 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล และอินเดีย) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 8.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์) น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 36.0 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 13.8 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 13.1 เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 15.5 เป็นต้น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติม การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยยังคงมีปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากการเร่งส่งออกท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ที่ขยายตัวสูง หลังการเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทนออกไปอีก 90 วัน (จนถึง 9 ก.ค. 68) ทั้งนี้ เดือน เม.ย. ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 23.8% และโตต่อเนื่องมาแล้ว 19 เดือนติดต่อกัน ตลาดสำคัญอื่นๆ ก็มีการขยายตัวเช่นกัน อาเซียนขยายตัว 7.8% ต่อเนื่อง 2 เดือน เอเชียใต้ 8.7% ต่อเนื่อง 7 เดือน สหภาพยุโรป 6.1% ต่อเนื่อง 11 เดือน ญี่ปุ่น 5.5% ต่อเนื่อง 2 เดือน และจีน 3.2% ต่อเนื่อง 7 เดือน
สำหรับตลาดสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ซึ่งส่งออกขยายตัวร้อยละ 23.8 (ขยายตัวต่อเนื่อง 19 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า และอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 25.0. -511- สำนักข่าวไทย