นนทบุรี 28 ม.ค. – กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกข้าวไทยปี 2567 มีปริมาณ 9.95 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 6 ปี พร้อมผลักดันการส่งออกข้าวไทยต่อเนื่อง และสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กตามนโยบายรัฐบาล หวังดันส่งออกข้าวปี 2568 ขั้นต่ำ 7.5 ล้านตัน ท่ามกลางตลาดการค้าข้าวโลกที่มีการแข่งขันสูง
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าปี 2567 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13% นำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 225,656 ล้านบาท (ประมาณ 6,434 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 27% ซึ่งปริมาณการส่งออกข้าวปี 2567 ที่ 9.95 ล้านตัน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9 ล้านตัน และเป็นปริมาณส่งออกข้าวไทยที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561 อันเป็นผลมาจากความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อรองรับกับความต้องการบริโภค ชดเชยผลผลิตที่ลดลง บรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อด้านอาหาร และเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศผู้ซื้อ ประกอบกับอินเดียมีมาตรการระงับการส่งออกข้าวขาวมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนตุลาคม 2567 ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าข้าวขาวจากอินเดียพิจารณานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น โดยไทยส่งออกข้าวขาวมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 5.99 ล้านตัน คิดเป็น 60% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยส่งออกข้าวขาวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23% รองลงมา ได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย 1.74 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 1.27 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.63 ล้านตัน ข้าวเหนียว 0.30 ล้านตัน และข้าวกล้อง 0.02 ล้านตัน
นอกจากนี้ ความสามารถในการส่งมอบข้าวให้ผู้นำเข้าได้อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกข้าวไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในเกือบทุกภูมิภาค โดยไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคแอฟริกา 3.37 ล้านตัน คิดเป็น 34% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35%) รองลงมา ได้แก่ ภูมิภาคเอเชีย 3.33 ล้านตัน (ลดลงจากปีก่อน 8%) ภูมิภาคอเมริกา 1.34 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33%) ภูมิภาคตะวันออกกลาง 1.34 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16%) ภูมิภาคยุโรป 0.30 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3%) และภูมิภาคโอเชียเนีย 0.27 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35%)
โดยตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ซึ่งไทยส่งออกข้าวไปอินโดนีเซียมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 1.33 ล้านตัน คิดเป็น 13% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ อิรัก 1.00 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18%) สหรัฐอเมริกา 0.85 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20%) แอฟริกาใต้ 0.83 ล้านตัน (ลดลงจากปีก่อน 7%) และฟิลิปปินส์ 0.62 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 48%)
สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวปี 2568 คาดว่าตลาดการค้าข้าวโลกจะมีการแข่งขันสูงจากการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย และปริมาณผลผลิตข้าวของทั้งประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะภัยแล้งคลี่คลาย รวมทั้งภาวะทางเศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ราคามีผลต่อการตัดสินใจนำเข้าข้าวมากยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้งผู้นำเข้าสำคัญอย่างอินโดนีเซียอาจมีความต้องการนำเข้าข้าวลดลง เนื่องจากคาดว่าผลผลิตข้าวในประเทศจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น และได้นำเข้าข้าวเพื่อสำรองสต็อกไว้ค่อนข้างมากแล้ว กรมฯ และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจึงคาดการณ์ร่วมกันว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2568 จะมีประมาณ 7.5 ล้านตัน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางความท้าทายในปี 2568 ทำให้เห็นว่าการขยายโอกาสในการส่งออกข้าวไทยให้ครอบคลุมและสอดรับกันทั้งระบบสำคัญมากยิ่งขึ้น และเพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกในการส่งออกข้าวไทย กรมฯ ได้ดำเนินการแล้วในการปรับลดขั้นตอนและระยะเวลาการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าว จากเดิมใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 3 วัน เหลือเพียง 30 นาที เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถส่งออกข้าวได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กรมฯ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสในการขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีแผนนำผู้ประกอบการรายเล็กที่มีศักยภาพในการส่งออกข้าวเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในงาน BIOFACH (เยอรมัน) งาน Natural Products Expo West (สหรัฐอเมริกา) และงาน THAIFEX – Anuga Asia (ไทย) โดยคาดว่าภายใน 1 ปี จะมีคำสั่งซื้อและสร้างรายได้เข้าประเทศมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท.-513-สำนักข่าวไทย