กรุงเทพฯ 11 ธ.ค. – บอร์ด ก.ล.ต.-บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมมือสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน เร่งปรับปรุงกฎหมายเอาผิดคดีโกงหุ้น หลอกลวง พร้อมเป็นพนักงานสอบสวนเอาผิดทางแพ่ง หนุนซื้อขายผ่านบล็อกเชน
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. และโฆษกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า การประชุมร่วมกันของบอร์ด ก.ล.ต. และบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อจัดผลักดันยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกัน ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายในตลาดทุนลดลงไปมาก ทั้งจากนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุน ขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังมีความกังวล จึงได้สอบถามระดมความเห็นจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล สมาคมบริษัทจดทะเบียน เพื่อขับเคลื่อนตลาดทุนไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศ หวังดึงเงินลงทุนกลับมาสู่ตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น
เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ต้องเร่งจัดการแก้ปัญหา และหาแนวทางป้องกันปัญหาคดีใหญ่ในตลาดทุน ในการบังคับใช้กฎหมายและเอาผิดได้อย่างรวดเร็ว จึงเดินหน้าผลักดันให้ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวน เอาผิดทางแพ่ง ส่งเรื่องฟ้องศาลโดยตรง เพื่อความรวดเร็วในการทำคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา คาดหวังกฎหมายอาจเริ่มใช้ได้ในต้นปีหน้า จากคดีทางแพ่งฟ้องศาล 20 คดี ศาลตัดสินเอาผิดทั้งหมด 6 คดีแล้วขณะนี้ ชดเชยเงินคืนให้กับผู้เสียหายกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. เพื่อให้มีองค์กรหลักมาร่วมคลี่คลายคดี มุ่งผลักดันให้บริษัทจดทะเบียน ที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมกันสร้างธรรมาภิบาล การเผยแพร่ข่าวสารของบริษัทจดทะเบียนอย่างโปร่งใสชัดเจน ควบคู่ไปกับการยกระดับบริษัทจดทะเบียนของไทยให้เข้มแข็ง สำหรับสถิติแจ้งหลอกลวงลงทุนในช่วง 11 เดือนแรกจนถึงปัจจุบัน (9 ธ.ค.67) ได้ประสานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสื่อหลอกลวงออนไลน์ ปิดกั้นได้แล้ว 2,940 บัญชี ได้รับการแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน 5,057 ครั้ง
นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต. เดินหน้าผลักดัน การซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิทัล 100% ช่วยระดมทุนและการลงทุนได้รวดเร็ว ลดต้นทุน โปร่งใส ซื้อขายจ่ายเงินได้ทันที ไม่ต้องรอระยะเวลาส่งมอบเงินหลายวัน จึงต้องกำหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามเครือข่าย การเชื่อมโยงระบบหลากหลายเข้าด้วยกัน เพื่อให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น หรือมีมูลค่าสูงขึ้น โดยจะเริ่มนำร่องขายหุ้นกู้ผ่านบล็อกเชน ควบคู่กับการขายในตลาดปกติปัจจุบัน จากนั้นเมื่อนักลงทุนคุ้นชิน เหมือนกับการโอนเงิน ซื้อของผ่านออนไลน์ปัจจุบันของประชาชนในปัจจุบัน จากนั้นจะยกระดับไปสู่การซื้อขายผ่านบล็อกเชนเต็ม 100% เพื่อยกระดับตลาดทุนไทยพัฒนาเหมือนกับต่างประเทศ. -515-สำนักข่าวไทย