จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” พัฒนาการตลาดหุ้นไทย

กระดานหุ้น

4 ธ.ค. – จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” พัฒนาการตลาดหุ้นไทย กับ ‘บรรยง พงษ์พานิช’ และ ‘สมคิด จิรานันตรัตน์’


พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเสวนา PLearn Talk&TOUR ตอน จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวสู่ปีที่ 50 โดยมีวิทยากร ได้แก่ นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร อดีตโบรกเกอร์ยุคเคาะกระดาน และนายสมคิด จิรานันตรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และอดีตประธาน Kasikorn Business Technology Group (KBTG) ซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายระบบงานภายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์สู่ระบบคอมพิวเตอร์

วิทยากรทั้ง 2 ท่านได้ร่วมกันเล่าเรื่องราวพัฒนาการระบบนิเวศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตลอด 50 ปี ที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นทั้งคนจัดการและผู้กำกับดูแล (regulator) ในตัวเอง จนมีองค์กรมาทำหน้าที่กำกับดูแล คือ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายหลังอีก 15 ปีถัดมาในปี 2535


จากยุคที่มีตลาดการเงินเพียง 2 ตลาด คือ ธนาคารพาณิชย์และตลาดพันธบัตร โดยพันธบัตรส่วนใหญ่ขายให้ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมี 16 แห่ง ที่ได้รับใบอนุญาต ธุรกรรมการเงินส่วนใหญ่จึงอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์

ในขณะที่ปี 2515 ประเทศไทยเริ่มมีแนวคิดที่ต้องการให้มีตลาดทุนในประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้น ซึ่งมาจากแนวคิดของกลุ่มเทคโนแครต (technocrat) ยุคนั้น อาทิ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คุณบุญมา วงศ์สวรรค์ ดร.เสนาะ อูนากูล ดร.อำนวย วีรวรรณ ฯลฯ และได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากโคลอมเบียเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางรากฐานตลาดหุ้น นำไปสู่การออกพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 และเปิดการซื้อขายครั้งแรกในวันที่ 30 เมษายน 2518 เพื่อทำหน้าที่เป็นตลาดรองที่มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมและจัดสรรทรัพยากร ด้วยบทบาทของผู้เล่น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มเจ้าของเงินหรือนักลงทุน ซึ่งมีทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนบุคคล 2) บริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ 3) บริษัทหลักทรัพย์ หรือตัวกลาง 4) กลุ่มผู้จัดสรรและดำเนินการ หรือ facilitator และ 5) กลุ่มผู้กำกับดูแล หรือ regulator

“มีพัฒนาการดี แม้จะไม่เพอร์เฟกต์” มุมมองของนายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ต่อภาพรวมและผู้เล่นของตลาดหุ้นไทย


แต่พัฒนาการที่นับว่าโดดเด่นและประสบความสำเร็จคือ ‘ระบบซื้อขาย’ ซึ่งปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ใช้ระบบซื้อขายแบบ ‘คอมพิวเตอร์’ เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย ทว่า น้อยคนนักจะรู้ลึกเบื้องหลังความเป็นมาและพัฒนาการดังกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปลี่ยนผ่านจากระบบ ‘อัตโนมือ’ สู่ ‘อัตโนมัติ’ หรือที่เรียกว่า ‘เคาะกระดาน’ สู่ ‘คอมพิวเตอร์’ ได้อย่างไร

บรรยากาศ ‘เคาะกระดาน’ ความชุลมุนตลาดหุ้นยุคตั้งไข่
ยุคเริ่มแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์หรือ ‘หุ้น’ ใช้ ‘ระบบเคาะกระดาน’ มีโบรกเกอร์ 30 ราย และในห้องค้าหลักทรัพย์หรือ Trading Floor มีเจ้าหน้าที่ได้ไม่เกิน 6 คนต่อโบรกเกอร์ รวมกับเจ้าหน้าที่ประจำตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ทำให้มีคนเกือบ 200 ที่อยู่ใน Trading Floor

“ตอนนั้นออฟฟิศตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่อาคารศูนย์การค้าสยาม เป็นห้องเทรดใหญ่ ต่อมาย้ายไปอาคารสินธร ในช่วงเริ่มต้นยังไม่มีเลขประจำโบรกเกอร์ ใช้จำกันเอง หลังจากนั้นก็มีเสื้อปักเบอร์ว่าใครเบอร์ไหนตั้งแต่ 1 ถึง 30…ของผมภัทรธนกิจ เบอร์ 6 ใครอยู่เบอร์ต้นจะได้เปรียบ” นายบรรยง เล่า

นายบรรยงสะท้อนภาพว่ายุคนั้นแต่ละโบรกเกอร์จะมีโทรศัพท์ 2 สายประจำห้องค้า ได้แก่ สายที่รับออเดอร์กับสายที่โทรคอนเฟิร์มกลับ และมีความชุลมุนวุ่นวายของเหล่าโบรกเกอร์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 200 ชีวิตที่ต้องวิ่งวุ่นและตะโกนโหวกเหวก แย่งกันไปเขียนซื้อขายหุ้นเป็นคิวแรกๆ พร้อมเคาะกระดานปิดดีลให้เสียงดัง ฉะนั้น คนตัวใหญ่ย่อมได้เปรียบ

พร้อมเล่าถึงการมีโอกาสได้เข้าทำงานในฐานะโบรกเกอร์เคาะกระดานในยุคนั้นว่า “ผมโชคดีได้งานทำ เพราะเรียนหนังสือจบ เกรด 2.03 หางานไม่ได้เกือบปี พอดีเขาต้องการคนเคาะกระดานใน Trading Floor เขาบอกคุณตัวใหญ่ เพราะผมเป็นนักรักบี้ทีมชาติด้วย พร้อมกระแทก ชนเก่ง” นายบรรยง กล่าว

ระบบ ‘เคาะกระดาน’ ทำกันอย่างไร
นายบรรยง กล่าวถึงรูปแบบการเคาะกระดานโดยยกตัวอย่างว่า “ถ้าหุ้นมีราคาปิดเมื่อวานคือ 80 บาท และราคาสูงสุดคือ 100 บาท วันถัดมาเมื่อเปิดตลาด โบรกเกอร์จะไปแย่งกันเขียนราคา 80 บาท เป็นคิวต้นๆ บนกระดาน เช่น บริษัทผมเป็นโบรกเกอร์เบอร์ 6 ก็เขียนเบอร์ 6 พร้อมราคาเสนอซื้อหุ้น 80 บาท (bid) บนกระดาน จากนั้น โบรกเกอร์คนถัดไปก็จะเขียนเบอร์ของบริษัทตัวเองต่อจากผม ไล่บรรทัดกันลงมาเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ถ้ามีคนเสนอขายที่ 80 บาท โบรกเกอร์เบอร์ 6 ก็จะได้ซื้อก่อน ในขณะเดียวกัน สมมุติโบรกเกอร์เบอร์ 27 เสนอขาย (offer) หุ้นที่ราคา 81 บาท ก็หมายความว่าถ้ามีคนต้องการซื้อที่ 81 บาท โบรกเกอร์เบอร์ 27 ก็จะได้ขายก่อน”

พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า “ถ้าโบรกเกอร์เบอร์ 27 เกิดเปลี่ยนใจต้องการขายที่ 80 บาท ก็จะเคาะกระดานว่าขายที่ 80 บาท พร้อมเรียกเบอร์ 6 ผมก็จะวิ่งมาที่กระดาน เพื่อตกลงซื้อขายกับโบรกเกอร์เบอร์ 27 โดยจะสอบถามพูดคุยกันว่าจะซื้อเท่าไหร่ ขายเท่าไหร่ สมมติผมโบรกเกอร์เบอร์ 6 จะซื้อ 100 หุ้น ก็จะเขียนเลข 100 (ใต้เบอร์ 6 ) โบรกเกอร์เบอร์ 27 ก็จะขีดเบอร์ 6 ออก พร้อมเขียนว่า 100 หุ้น โบรกเกอร์เบอร์ 5 ซึ่งอยู่ลำดับถัดมาบอกซื้อ 2,000 หุ้น แต่ความจริง อยากซื้อ 3,000 หุ้น แต่กฎให้ซื้อได้ทีละ 2,000 หุ้น (20 เท่า) ก็จะเขียนว่า 2,000 ต่อ แล้วก็ไปเขียนเบอร์ 5 ของตัวเองต่อจากโบรกเกอร์ลำดับสุดท้ายที่ต้องการซื้อที่ราคา 80 บาทอีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่เช่นนั้นการซื้อขายก็จะไม่ถึงโบรกเกอร์เบอร์อื่นที่อยู่ลำดับถัดไปสักที จากนั้น โบรกเกอร์เบอร์ 27 ก็จะขีดเบอร์ 5 ออก โบรกเกอร์เบอร์ถัดมาจากเบอร์ 5 ซื้อ 200 หุ้น โบรกเกอร์อีกเบอร์ซื้อ 800 หุ้น ก็จะซื้อขายกันแบบนี้ไล่เรียงกันลงไปจนครบจำนวนหุ้นที่คนเสนอขายที่ราคา 80 บาท จึงจะเริ่มซื้อขายกันที่ราคาใหม่”

บรรยากาศการซื้อขายที่เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกจะเกิดขึ้นทุกเช้าของวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดทำการซื้อขาย และเมื่อปิดตลาดในเวลา 12.30 น. แล้ว เจ้าหน้าที่โบรกเกอร์จะต้องมานั่งทำเอกสาร เรียก slip ลงรายละเอียดสรุปการซื้อขาย และ initial การตกลงซื้อขายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเพื่อเป็นหลักฐาน

ในยุคแรกๆ ของการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย นายบรรยงได้นิยามกล่าวขานตลาดหุ้นช่วงนั้นว่า ‘ยุคปาลูกดอก’ โดยอธิบายว่า “ต่อมา 1 – 2 ปี หรือช่วงปี 2520 หุ้นก็บูมมาก พอปี 2521 อัตราดอกเบี้ยไพร์มเรทอเมริกา 21% แต่หุ้นไทยก็บูม พุ่งพรวดขึ้นไป ผลตอบแทนเยอะ ทั้งที่เศรษฐกิจโลกไม่ดี เป็นยุคราชาเงินทุน หุ้นบูมขึ้นมาโดยไม่มีนักลงทุนสถาบันแม้แต่รายเดียว มีแต่นักเล่นหุ้นขาใหญ่-ขาเล็ก คนเฮเข้าไป ผมเรียกว่า ‘ยุคปาลูกดอก’ ซื้อหุ้นไหนเดี๋ยวมันก็ขึ้น” นายบรรยง กล่าว

แต่ปี 2522 จู่ๆ ตลาดหุ้นไทยก็เริ่มซบเซาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายปี โดยปี 2526 เป็นปีที่มูลค่าการซื้อขายวันที่น้อยที่สุดเหลือ 3 ล้านบาทต่อวัน “บรรยากาศห้องค้าจากที่มีคนทำงาน 200 คน ใครลุกไปเคาะกระดานที คนก็ตบมือกัน รู้ไหมว่าว่างๆ เขาทำอะไร…ทายเบอร์แบงก์เล่น เพราะไม่มีอะไรทำ”

เปลี่ยนผ่าน ‘เคาะกระดาน’ สู่ ‘คอมพิวเตอร์’
ระบบเคาะกระดานดำเนินมาเรื่อยถึงช่วงปี 2533 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มมีแนวคิดเปลี่ยนระบบซื้อขายให้ทันสมัยมากขึ้น โดยยุคนี้เป็นยุคที่ ดร.มารวย ผดุงสิทธิ์ เป็นกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ เวลานั้น นายสมคิด ทำงานอยู่ที่ IBM บริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้รับคำเชิญชวนให้มาร่วมงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ

“ด้วยสภาพตอนนี้ไม่มีทางที่เราจะทำระบบซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์ได้ เพราะไม่มีเงินเดือนไปจ้างเด็ก ตอนนั้นเราจ้างประมาณ 4,000 บาท อาจารย์มารวยถามกลับ ท้องตลาดให้กันเท่าไร พอสู้กับเขาได้ไหม ผมบอกถ้าจะไปรับคนเก่งๆ จบโปรแกรมเมอร์ปริญญาตรี ต้อง 12,000 บาท…โห อาจารย์ก่ายหน้าผากเลย แต่สุดท้ายอาจารย์มารวย บอกให้ไปรับเลย”

นายสมคิดจึงตั้งเป้ารับนักศึกษาที่ใกล้จบ 30-40 คน โดยไปที่คณะวิศกรรมศาสตร์ คณะบัญชี ภาควิชาสถิติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังทำอะไรและความจำเป็นที่ต้องรับคนกลุ่มนี้

ทั้งหมดทำให้ระบบซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นในปี 2534 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวไปอีกขั้น แต่ความท้าทายไม่ใช่แค่เรื่องการเปลี่ยนระบบ หรือการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแล (สำนักงาน ก.ล.ต.) เท่านั้น หากต้องมอง ecosystem ให้ทุกส่วนพัฒนาไปพร้อมกัน

นายสมคิดเล่าว่า “เราคุยกันว่าจะทำเอง หรือเอาระบบที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกมาใช้ ได้ข้อสรุปว่าไปเอามาจาก Midwest Stock Exchange ซึ่งปัจจุบันคือ Chicago Stock Exchange เขากำลังพัฒนา ข้อดีคือเขาทุ่มเทมาก ส่งนักคอมพิวเตอร์มือหนึ่งหลายคนเข้ามาช่วยเรา ระบบข้อมูลที่ใช้ตอน matching มันไม่ได้อยู่ใน disk storage แต่อยู่ใน main memory ซึ่งใช้เทคนิคขั้นสูง เราไม่ต้องลงทุนเครื่องขนาดใหญ่ แต่ได้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงได้”

ขณะที่ระบบศูนย์รับฝากใบหุ้น หรือ Scripless ในอดีตทุกคนพูดแต่เรื่องระบบซื้อขาย แต่ไม่มีเรื่องศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ งบประมาณก็ไม่มี จึงแก้ปัญหาโดยยืมคอมพิวเตอร์จากเพื่อนที่ดูแลด้านไอทีของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง และใช้เวลาพัฒนาระบบ 6 เดือนอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อนำใบหุ้นหลักล้านใบเข้าสู่ระบบ

นอกจากนี้ ในการพัฒนาระบบ PRS (Price Reporting System) ยังเจออุปสรรค โดยนายสมคิด เล่าอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องการแก้ไขบางอย่าง แต่ไม่มีคนที่มีทักษะความรู้ในการแก้ปัญหานี้

“ปรากฏว่าช่วงปิดเทอมรับเด็กฝึกงานวิศวะจุฬาฯ 5 คน จ่ายเงินวันละ 70 บาทตามค่าแรงขั้นต่ำ เด็กพวกนี้สามารถทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ภายใน 2 เดือน ทุกวันนี้ระบบนี้ได้ใช้งานจริงเป็นสิบๆ ปี และเขาเรียนต่อจนจบ PhD ด้านคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา และตอนนี้ทำงานที่ซิลิคอนวัลเลย์…ผมจะบอกว่า คนที่เรารับมาทำงานเป็น world class จริงๆ” นายสมคิด กล่าว

“ในยุคเคาะกระดานจะมีการถ่ายทอดราคาหุ้นผ่านทางโทรทัศน์ โดยยุคแรกแสดงราคาหุ้นเป็นแนวตั้งสามบรรทัด ซึ่งไม่เหมือนกับต่างประเทศ ภายหลังทำเหมือนต่างประเทศ คือ เป็นวิ่งตามแนวนอน แต่วันแรกที่เปลี่ยนถูกด่าทั้งเมืองอยู่สามเดือน เพราะคนไม่ชิน“ นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติม

ทุนต่างชาติ กดดันบริษัทไทยแข่งขันโลก
ในปี 2533 ยาวถึงยุค 90 ทุนต่างชาติเริ่มเข้ามามีนัยสำคัญ โดยนายบรรยง อธิบายว่า “ถ้าไม่มีนักลงทุนต่างประเทศ วิกฤติ ปี 2540 คงไม่ฟื้น เราใช้เงินฝรั่ง ผมใช้คำว่า quality money เป็นเงินที่มีประสบการณ์ ที่ require อย่างลึกว่าบริษัทไทยต้องมีประสิทธิภาพ แข่งขันกับโลกได้ เงินต่างชาติเป็นตัวกดดันให้บริษัทไทยต้องพัฒนาทั้งเทคโนโลยีและบรรษัทภิบาล (governance) ขึ้นอย่างมาก”

พร้อมทิ้งท้ายว่า ในฐานะคนที่ทำงานตลาดฯ มากว่า 40 ปี มีข้อแนะนำ 2 ข้อที่เคยฝากไว้กับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คนที่ 17 คือ

“หนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นส่วนสำคัญของตลาดทุน แต่ไม่ใช่ตลาดทุนทั้งหมด ตลาดทุนกว้างกว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก ตลาดทุนคือขบวนการรวบรวมและจัดสรรทรัพยากรทางการเงิน นอกเหนือจากระบบธนาคาร รวมถึง venture capital และองคาพยพนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้าเราให้ความสำคัญว่าต้องมีตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเดียว ผมคิดว่าผิด”

สอง ตลาดทุนไทยไม่มี มีแต่ตลาดทุนโลก โลกเชื่อมกันหมดแล้ว เราจะมองประเทศไทยแบบแยกส่วนไม่ได้อีกต่อไป” นายบรรยง กล่าว .

มาร่วมย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของระบบซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ไทยไปกับกิจกรรม Plearn Talk&TOUR ตอน จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์”

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]