จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” พัฒนาการตลาดหุ้นไทย

กระดานหุ้น

4 ธ.ค. – จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” พัฒนาการตลาดหุ้นไทย กับ ‘บรรยง พงษ์พานิช’ และ ‘สมคิด จิรานันตรัตน์’


พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเสวนา PLearn Talk&TOUR ตอน จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวสู่ปีที่ 50 โดยมีวิทยากร ได้แก่ นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร อดีตโบรกเกอร์ยุคเคาะกระดาน และนายสมคิด จิรานันตรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และอดีตประธาน Kasikorn Business Technology Group (KBTG) ซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายระบบงานภายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์สู่ระบบคอมพิวเตอร์

วิทยากรทั้ง 2 ท่านได้ร่วมกันเล่าเรื่องราวพัฒนาการระบบนิเวศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตลอด 50 ปี ที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นทั้งคนจัดการและผู้กำกับดูแล (regulator) ในตัวเอง จนมีองค์กรมาทำหน้าที่กำกับดูแล คือ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายหลังอีก 15 ปีถัดมาในปี 2535


จากยุคที่มีตลาดการเงินเพียง 2 ตลาด คือ ธนาคารพาณิชย์และตลาดพันธบัตร โดยพันธบัตรส่วนใหญ่ขายให้ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมี 16 แห่ง ที่ได้รับใบอนุญาต ธุรกรรมการเงินส่วนใหญ่จึงอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์

ในขณะที่ปี 2515 ประเทศไทยเริ่มมีแนวคิดที่ต้องการให้มีตลาดทุนในประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้น ซึ่งมาจากแนวคิดของกลุ่มเทคโนแครต (technocrat) ยุคนั้น อาทิ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คุณบุญมา วงศ์สวรรค์ ดร.เสนาะ อูนากูล ดร.อำนวย วีรวรรณ ฯลฯ และได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากโคลอมเบียเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางรากฐานตลาดหุ้น นำไปสู่การออกพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 และเปิดการซื้อขายครั้งแรกในวันที่ 30 เมษายน 2518 เพื่อทำหน้าที่เป็นตลาดรองที่มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมและจัดสรรทรัพยากร ด้วยบทบาทของผู้เล่น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มเจ้าของเงินหรือนักลงทุน ซึ่งมีทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนบุคคล 2) บริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ 3) บริษัทหลักทรัพย์ หรือตัวกลาง 4) กลุ่มผู้จัดสรรและดำเนินการ หรือ facilitator และ 5) กลุ่มผู้กำกับดูแล หรือ regulator

“มีพัฒนาการดี แม้จะไม่เพอร์เฟกต์” มุมมองของนายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ต่อภาพรวมและผู้เล่นของตลาดหุ้นไทย


แต่พัฒนาการที่นับว่าโดดเด่นและประสบความสำเร็จคือ ‘ระบบซื้อขาย’ ซึ่งปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ใช้ระบบซื้อขายแบบ ‘คอมพิวเตอร์’ เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย ทว่า น้อยคนนักจะรู้ลึกเบื้องหลังความเป็นมาและพัฒนาการดังกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปลี่ยนผ่านจากระบบ ‘อัตโนมือ’ สู่ ‘อัตโนมัติ’ หรือที่เรียกว่า ‘เคาะกระดาน’ สู่ ‘คอมพิวเตอร์’ ได้อย่างไร

บรรยากาศ ‘เคาะกระดาน’ ความชุลมุนตลาดหุ้นยุคตั้งไข่
ยุคเริ่มแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์หรือ ‘หุ้น’ ใช้ ‘ระบบเคาะกระดาน’ มีโบรกเกอร์ 30 ราย และในห้องค้าหลักทรัพย์หรือ Trading Floor มีเจ้าหน้าที่ได้ไม่เกิน 6 คนต่อโบรกเกอร์ รวมกับเจ้าหน้าที่ประจำตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ทำให้มีคนเกือบ 200 ที่อยู่ใน Trading Floor

“ตอนนั้นออฟฟิศตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่อาคารศูนย์การค้าสยาม เป็นห้องเทรดใหญ่ ต่อมาย้ายไปอาคารสินธร ในช่วงเริ่มต้นยังไม่มีเลขประจำโบรกเกอร์ ใช้จำกันเอง หลังจากนั้นก็มีเสื้อปักเบอร์ว่าใครเบอร์ไหนตั้งแต่ 1 ถึง 30…ของผมภัทรธนกิจ เบอร์ 6 ใครอยู่เบอร์ต้นจะได้เปรียบ” นายบรรยง เล่า

นายบรรยงสะท้อนภาพว่ายุคนั้นแต่ละโบรกเกอร์จะมีโทรศัพท์ 2 สายประจำห้องค้า ได้แก่ สายที่รับออเดอร์กับสายที่โทรคอนเฟิร์มกลับ และมีความชุลมุนวุ่นวายของเหล่าโบรกเกอร์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 200 ชีวิตที่ต้องวิ่งวุ่นและตะโกนโหวกเหวก แย่งกันไปเขียนซื้อขายหุ้นเป็นคิวแรกๆ พร้อมเคาะกระดานปิดดีลให้เสียงดัง ฉะนั้น คนตัวใหญ่ย่อมได้เปรียบ

พร้อมเล่าถึงการมีโอกาสได้เข้าทำงานในฐานะโบรกเกอร์เคาะกระดานในยุคนั้นว่า “ผมโชคดีได้งานทำ เพราะเรียนหนังสือจบ เกรด 2.03 หางานไม่ได้เกือบปี พอดีเขาต้องการคนเคาะกระดานใน Trading Floor เขาบอกคุณตัวใหญ่ เพราะผมเป็นนักรักบี้ทีมชาติด้วย พร้อมกระแทก ชนเก่ง” นายบรรยง กล่าว

ระบบ ‘เคาะกระดาน’ ทำกันอย่างไร
นายบรรยง กล่าวถึงรูปแบบการเคาะกระดานโดยยกตัวอย่างว่า “ถ้าหุ้นมีราคาปิดเมื่อวานคือ 80 บาท และราคาสูงสุดคือ 100 บาท วันถัดมาเมื่อเปิดตลาด โบรกเกอร์จะไปแย่งกันเขียนราคา 80 บาท เป็นคิวต้นๆ บนกระดาน เช่น บริษัทผมเป็นโบรกเกอร์เบอร์ 6 ก็เขียนเบอร์ 6 พร้อมราคาเสนอซื้อหุ้น 80 บาท (bid) บนกระดาน จากนั้น โบรกเกอร์คนถัดไปก็จะเขียนเบอร์ของบริษัทตัวเองต่อจากผม ไล่บรรทัดกันลงมาเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ถ้ามีคนเสนอขายที่ 80 บาท โบรกเกอร์เบอร์ 6 ก็จะได้ซื้อก่อน ในขณะเดียวกัน สมมุติโบรกเกอร์เบอร์ 27 เสนอขาย (offer) หุ้นที่ราคา 81 บาท ก็หมายความว่าถ้ามีคนต้องการซื้อที่ 81 บาท โบรกเกอร์เบอร์ 27 ก็จะได้ขายก่อน”

พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า “ถ้าโบรกเกอร์เบอร์ 27 เกิดเปลี่ยนใจต้องการขายที่ 80 บาท ก็จะเคาะกระดานว่าขายที่ 80 บาท พร้อมเรียกเบอร์ 6 ผมก็จะวิ่งมาที่กระดาน เพื่อตกลงซื้อขายกับโบรกเกอร์เบอร์ 27 โดยจะสอบถามพูดคุยกันว่าจะซื้อเท่าไหร่ ขายเท่าไหร่ สมมติผมโบรกเกอร์เบอร์ 6 จะซื้อ 100 หุ้น ก็จะเขียนเลข 100 (ใต้เบอร์ 6 ) โบรกเกอร์เบอร์ 27 ก็จะขีดเบอร์ 6 ออก พร้อมเขียนว่า 100 หุ้น โบรกเกอร์เบอร์ 5 ซึ่งอยู่ลำดับถัดมาบอกซื้อ 2,000 หุ้น แต่ความจริง อยากซื้อ 3,000 หุ้น แต่กฎให้ซื้อได้ทีละ 2,000 หุ้น (20 เท่า) ก็จะเขียนว่า 2,000 ต่อ แล้วก็ไปเขียนเบอร์ 5 ของตัวเองต่อจากโบรกเกอร์ลำดับสุดท้ายที่ต้องการซื้อที่ราคา 80 บาทอีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่เช่นนั้นการซื้อขายก็จะไม่ถึงโบรกเกอร์เบอร์อื่นที่อยู่ลำดับถัดไปสักที จากนั้น โบรกเกอร์เบอร์ 27 ก็จะขีดเบอร์ 5 ออก โบรกเกอร์เบอร์ถัดมาจากเบอร์ 5 ซื้อ 200 หุ้น โบรกเกอร์อีกเบอร์ซื้อ 800 หุ้น ก็จะซื้อขายกันแบบนี้ไล่เรียงกันลงไปจนครบจำนวนหุ้นที่คนเสนอขายที่ราคา 80 บาท จึงจะเริ่มซื้อขายกันที่ราคาใหม่”

บรรยากาศการซื้อขายที่เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกจะเกิดขึ้นทุกเช้าของวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดทำการซื้อขาย และเมื่อปิดตลาดในเวลา 12.30 น. แล้ว เจ้าหน้าที่โบรกเกอร์จะต้องมานั่งทำเอกสาร เรียก slip ลงรายละเอียดสรุปการซื้อขาย และ initial การตกลงซื้อขายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเพื่อเป็นหลักฐาน

ในยุคแรกๆ ของการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย นายบรรยงได้นิยามกล่าวขานตลาดหุ้นช่วงนั้นว่า ‘ยุคปาลูกดอก’ โดยอธิบายว่า “ต่อมา 1 – 2 ปี หรือช่วงปี 2520 หุ้นก็บูมมาก พอปี 2521 อัตราดอกเบี้ยไพร์มเรทอเมริกา 21% แต่หุ้นไทยก็บูม พุ่งพรวดขึ้นไป ผลตอบแทนเยอะ ทั้งที่เศรษฐกิจโลกไม่ดี เป็นยุคราชาเงินทุน หุ้นบูมขึ้นมาโดยไม่มีนักลงทุนสถาบันแม้แต่รายเดียว มีแต่นักเล่นหุ้นขาใหญ่-ขาเล็ก คนเฮเข้าไป ผมเรียกว่า ‘ยุคปาลูกดอก’ ซื้อหุ้นไหนเดี๋ยวมันก็ขึ้น” นายบรรยง กล่าว

แต่ปี 2522 จู่ๆ ตลาดหุ้นไทยก็เริ่มซบเซาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายปี โดยปี 2526 เป็นปีที่มูลค่าการซื้อขายวันที่น้อยที่สุดเหลือ 3 ล้านบาทต่อวัน “บรรยากาศห้องค้าจากที่มีคนทำงาน 200 คน ใครลุกไปเคาะกระดานที คนก็ตบมือกัน รู้ไหมว่าว่างๆ เขาทำอะไร…ทายเบอร์แบงก์เล่น เพราะไม่มีอะไรทำ”

เปลี่ยนผ่าน ‘เคาะกระดาน’ สู่ ‘คอมพิวเตอร์’
ระบบเคาะกระดานดำเนินมาเรื่อยถึงช่วงปี 2533 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มมีแนวคิดเปลี่ยนระบบซื้อขายให้ทันสมัยมากขึ้น โดยยุคนี้เป็นยุคที่ ดร.มารวย ผดุงสิทธิ์ เป็นกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ เวลานั้น นายสมคิด ทำงานอยู่ที่ IBM บริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้รับคำเชิญชวนให้มาร่วมงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ

“ด้วยสภาพตอนนี้ไม่มีทางที่เราจะทำระบบซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์ได้ เพราะไม่มีเงินเดือนไปจ้างเด็ก ตอนนั้นเราจ้างประมาณ 4,000 บาท อาจารย์มารวยถามกลับ ท้องตลาดให้กันเท่าไร พอสู้กับเขาได้ไหม ผมบอกถ้าจะไปรับคนเก่งๆ จบโปรแกรมเมอร์ปริญญาตรี ต้อง 12,000 บาท…โห อาจารย์ก่ายหน้าผากเลย แต่สุดท้ายอาจารย์มารวย บอกให้ไปรับเลย”

นายสมคิดจึงตั้งเป้ารับนักศึกษาที่ใกล้จบ 30-40 คน โดยไปที่คณะวิศกรรมศาสตร์ คณะบัญชี ภาควิชาสถิติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังทำอะไรและความจำเป็นที่ต้องรับคนกลุ่มนี้

ทั้งหมดทำให้ระบบซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นในปี 2534 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวไปอีกขั้น แต่ความท้าทายไม่ใช่แค่เรื่องการเปลี่ยนระบบ หรือการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแล (สำนักงาน ก.ล.ต.) เท่านั้น หากต้องมอง ecosystem ให้ทุกส่วนพัฒนาไปพร้อมกัน

นายสมคิดเล่าว่า “เราคุยกันว่าจะทำเอง หรือเอาระบบที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกมาใช้ ได้ข้อสรุปว่าไปเอามาจาก Midwest Stock Exchange ซึ่งปัจจุบันคือ Chicago Stock Exchange เขากำลังพัฒนา ข้อดีคือเขาทุ่มเทมาก ส่งนักคอมพิวเตอร์มือหนึ่งหลายคนเข้ามาช่วยเรา ระบบข้อมูลที่ใช้ตอน matching มันไม่ได้อยู่ใน disk storage แต่อยู่ใน main memory ซึ่งใช้เทคนิคขั้นสูง เราไม่ต้องลงทุนเครื่องขนาดใหญ่ แต่ได้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงได้”

ขณะที่ระบบศูนย์รับฝากใบหุ้น หรือ Scripless ในอดีตทุกคนพูดแต่เรื่องระบบซื้อขาย แต่ไม่มีเรื่องศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ งบประมาณก็ไม่มี จึงแก้ปัญหาโดยยืมคอมพิวเตอร์จากเพื่อนที่ดูแลด้านไอทีของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง และใช้เวลาพัฒนาระบบ 6 เดือนอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อนำใบหุ้นหลักล้านใบเข้าสู่ระบบ

นอกจากนี้ ในการพัฒนาระบบ PRS (Price Reporting System) ยังเจออุปสรรค โดยนายสมคิด เล่าอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องการแก้ไขบางอย่าง แต่ไม่มีคนที่มีทักษะความรู้ในการแก้ปัญหานี้

“ปรากฏว่าช่วงปิดเทอมรับเด็กฝึกงานวิศวะจุฬาฯ 5 คน จ่ายเงินวันละ 70 บาทตามค่าแรงขั้นต่ำ เด็กพวกนี้สามารถทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ภายใน 2 เดือน ทุกวันนี้ระบบนี้ได้ใช้งานจริงเป็นสิบๆ ปี และเขาเรียนต่อจนจบ PhD ด้านคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา และตอนนี้ทำงานที่ซิลิคอนวัลเลย์…ผมจะบอกว่า คนที่เรารับมาทำงานเป็น world class จริงๆ” นายสมคิด กล่าว

“ในยุคเคาะกระดานจะมีการถ่ายทอดราคาหุ้นผ่านทางโทรทัศน์ โดยยุคแรกแสดงราคาหุ้นเป็นแนวตั้งสามบรรทัด ซึ่งไม่เหมือนกับต่างประเทศ ภายหลังทำเหมือนต่างประเทศ คือ เป็นวิ่งตามแนวนอน แต่วันแรกที่เปลี่ยนถูกด่าทั้งเมืองอยู่สามเดือน เพราะคนไม่ชิน“ นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติม

ทุนต่างชาติ กดดันบริษัทไทยแข่งขันโลก
ในปี 2533 ยาวถึงยุค 90 ทุนต่างชาติเริ่มเข้ามามีนัยสำคัญ โดยนายบรรยง อธิบายว่า “ถ้าไม่มีนักลงทุนต่างประเทศ วิกฤติ ปี 2540 คงไม่ฟื้น เราใช้เงินฝรั่ง ผมใช้คำว่า quality money เป็นเงินที่มีประสบการณ์ ที่ require อย่างลึกว่าบริษัทไทยต้องมีประสิทธิภาพ แข่งขันกับโลกได้ เงินต่างชาติเป็นตัวกดดันให้บริษัทไทยต้องพัฒนาทั้งเทคโนโลยีและบรรษัทภิบาล (governance) ขึ้นอย่างมาก”

พร้อมทิ้งท้ายว่า ในฐานะคนที่ทำงานตลาดฯ มากว่า 40 ปี มีข้อแนะนำ 2 ข้อที่เคยฝากไว้กับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คนที่ 17 คือ

“หนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นส่วนสำคัญของตลาดทุน แต่ไม่ใช่ตลาดทุนทั้งหมด ตลาดทุนกว้างกว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก ตลาดทุนคือขบวนการรวบรวมและจัดสรรทรัพยากรทางการเงิน นอกเหนือจากระบบธนาคาร รวมถึง venture capital และองคาพยพนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้าเราให้ความสำคัญว่าต้องมีตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเดียว ผมคิดว่าผิด”

สอง ตลาดทุนไทยไม่มี มีแต่ตลาดทุนโลก โลกเชื่อมกันหมดแล้ว เราจะมองประเทศไทยแบบแยกส่วนไม่ได้อีกต่อไป” นายบรรยง กล่าว .

มาร่วมย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของระบบซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ไทยไปกับกิจกรรม Plearn Talk&TOUR ตอน จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์”

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]