สภาหอการค้าฯ-ญี่ปุ่น จัดงานครบ 50 ปี ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น

กรุงเทพฯ 7 พ.ย.-สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผสานพลังญี่ปุ่นจัดงาน “The 50th  ASEAN-Japan Business Meeting” ฉลองความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นครบ 50 ปี เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจและอนาคตที่ยั่งยืนในภูมิภาค

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ Keizai Doyukai จัดงาน”The 50th ASEAN-Japan Business Meeting” หรือ AJBM ณ โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นการเฉลิมฉลองความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นครบ 50 ปี โดยมีผู้นำภาคธุรกิจสำคัญ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือประเด็นสำคัญภายใต้ธีม “การสร้างพันธมิตรที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตที่มั่นคง” โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองและยั่งยืนร่วมกัน โดยภายในงานมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือข้ามภาคส่วนเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับภูมิภาค
 
นายกลินท์ สารสิน ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ได้เน้นประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย


•ความมั่นคงทางอาหาร: เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง การประชุมได้สนับสนุนและมุ่งพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในอาเซียน ด้วยการกระจายแหล่งโปรตีน พัฒนาพืชทนต่อสภาพอากาศ และเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ
•การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน: เนื่องจากการท่องเที่ยวมีผลกระทบในระดับภูมิภาค การสนทนามุ่งเน้นการส่งเสริมหลักการ ESG สนับสนุนการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงนโยบายค่าจ้างที่เป็นธรรมเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกภาคส่วน
•การขนส่ง: เพื่อรับมือกับความท้าทายจากการขยายตัวของเมือง AJBM ได้ร่วมหารือเรื่องแนวทางการขนส่งที่ยั่งยืน เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและระบบการจัดการจราจรอัจฉริยะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองใหญ่ในภูมิภาค รวมถึงระบบควบคุมการจราจรในกรุงเทพฯ ที่พัฒนาร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)
 
นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และความยั่งยืน ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อทุกด้านของเศรษฐกิจและสังคมของเรา  การประชุมในวันนี้ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนและญี่ปุ่นในการเติบโตอย่างยั่งยืนและความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากการจัดทำสมุดปกขาวที่รวบรวมข้อสรุปและข้อเสนอสำคัญ ซึ่งจะถูกนำเสนอต่อรัฐบาลของประเทศสมาชิกAJBM ทั้งหมด เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกอันเป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งอาเซียนและญี่ปุ่น และเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
 
นายยูจิ ฮิราโกะ ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เอเชียแห่ง Keizai Doyukaiและที่ปรึกษาอาวุโสของ ANA Holdings Inc. กล่าวถึง “โครงการแพลตฟอร์มทรัพยากรมนุษย์อาเซียน-ญี่ปุ่น” ที่เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น โดยได้เปิดตัวครั้งแรกใน AJBM ครั้งที่ 48 ที่โตเกียว นายฮิราโกะกล่าวเพิ่มเติมว่าภายใต้การสนับสนุนจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) มีการพัฒนาโครงสร้างเพื่อการพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการหมุนเวียนทรัพยากรมนุษย์ระหว่างสองภูมิภาค  โดย Keizai Doyukai ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นเข้าถึงแรงงานในอาเซียน

นายเซอิจิ อิมาอิ ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เอเชีย Keizai Doyukai และประธานคณะกรรมการมิตซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของการจัดงานในปีนี้ ส่งผลดีต่อแนวทางการจัดงานในครั้งต่อไป ซึ่งทางญี่ปุ่นจะรักษามาตรฐานของการจัดงานและร่วมมือกับพันธมิตรในอาเซียนของอย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนร่วมกัน ทั้งนี้ Keizai Doyukai จะทำหน้าที่เตรียมข้อเสนอสำหรับการประชุมปีหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่งและก้าวหน้าต่อไป


นายยูกิ อิชิดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ YCP Holdings เน้นย้ำว่า AJBM จะเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้นำธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายในการแลกเปลี่ยนมุมมอง สร้างพันธมิตร และวางรากฐานความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอาเซียนและญี่ปุ่น ผลการหารือจะถูกสรุปในสมุดปกขาวที่บรรจุข้อเสนอแนะเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น โดยสมุดปกขาวนี้จะให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะถึงประเด็นความมั่นคงทางอาหาร การสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืน การส่งเสริมพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศ และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อปกป้องภาคเกษตร-อาหารของอาเซียนจากแรงกดดันทางสิ่งแวดล้อมและการเมือง ในด้านการขนส่ง สมุดปกขาวจะเน้นการประสานงานข้ามภาคส่วนและการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อลดความแออัดในเมือง ส่งเสริมสุขภาพของประชาชน และสนับสนุนประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ สำหรับการท่องเที่ยว จะเน้นกลยุทธ์เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน รวมถึงการส่งเสริมจุดหมายทางเลือกและแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งช่วยกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวอย่างยุติธรรมยิ่งขึ้น
 
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อเสนอแนะที่เกิดขึ้นจากการประชุมครั้งที่มุ่งเน้นในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น ประกอบด้วย

1.การส่งเสริมความร่วมมือข้ามภาคส่วน: AJBM เรียกร้องให้มีการจัดตั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในอาเซียนและญี่ปุ่นเพื่อรวบรวมทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน พลังงานสะอาด การเชื่อมโยงตลาดคาร์บอน และเศรษฐกิจหมุนเวียน ความร่วมมือนี้จะเชื่อมโยงช่องว่างทางทรัพยากร ซึ่งจะส่งผลดีต่อความก้าวหน้าของภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่นความก้าวหน้าที่มีผลกระทบในภูมิภาค
 
2.ความมั่นคงด้านอาหารผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี: การเกษตรที่ยั่งยืนในอาเซียนและญี่ปุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสภาพอากาศและการขาดแคลนอาหารผ่านนวัตกรรม การใช้พืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศ การเกษตรแม่นยำ และพลังงานหมุนเวียน แนวคิดนี้ไม่เพียงเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร แต่ยังลดของเสียและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม จะทำให้อาเซียนและญี่ปุ่นก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านการเกษตรที่ยั่งยืนและมั่นคงในอนาคต การผสานการลงทุนในเกษตรแม่นยำและพลังงานหมุนเวียน และโครงการความมั่นคงด้านอาหารร่วมกัน จะสามารถเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตในอาเซียนได้
 
3.เสริมพลังซอฟท์พาวเวอร์ของอาเซียน-ญี่ปุ่นในฐานะสะพานทางการทูตและวัฒนธรรม: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและทักษะเพื่อให้อาเซียนมีบทบาทเป็นคนกลางในเอเชีย ช่วยสร้างความสมดุลด้านเศรษฐกิจและการทูตกับมหาอำนาจทั่วโลกและส่งเสริมความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นเพื่อสร้างภูมิภาคที่ยั่งยืนและมั่นคง แนวทางนี้ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบและส่งเสริมพลังทางวัฒนธรรมของอาเซียน-ญี่ปุ่นผ่านประสบการณ์การเดินทางและท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์
 
นายกลินท์ สารสิน ทิ้งท้ายถึงความสำคัญของการประชุมธุรกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 50 ในฐานะที่เป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น ผลลัพธ์ของการประชุม AJBM นี้จะเป็นแนวทางให้กับอาเซียนและญี่ปุ่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้งสองภูมิภาค.-516.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]