กรุงเทพฯ 16 ก.ค.-“จุลพันธ์” เตรียมสาธิตใช้แอปเข้าระบบ ดิจิทัลวอลเล็ต 24 ก.ค.นี้ มั่นใจระบบพร้อมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้ แจงกระแสผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ร่อนหนังสือเตือนดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ยันไม่มีเรื่องวินัยการเงินการคลัง แต่ห่วงระบบ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการประชุมเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม แต่ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ ธปท. เข้าร่วมประชุมแทน และมีหนังสือแสดงความเป็นห่วง โดยเฉพาะการใช้งบประมาณ แม้จะมีการปรับลดวงเงินลงมาเหลือ 450,000 ล้านบาท แต่ยังต้องคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังนั้น
นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่ากระแสข่าวที่ออกไปไม่ตรงกับในที่ประชุม ซึ่งเมื่อวานนี้ ผู้ว่าฯ ธปท. ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมจริง เนื่องจากติดภารกิจในต่างประเทศ แต่ฝากข้อห่วงใยมากับรองผู้ว่าการฯ เสนอในที่ประชุม ยืนยันว่าไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวินัยการเงินการคลัง โดยมี 2 ประเด็น คือ ตัวระบบ ที่ต้องมั่นคงปลอดภัย และต้องขอให้ ธปท.เข้ามาดูระบบ ภายใน 15 วัน ก่อนจะมีการเปิดใช้ระบบ ซึ่งก็พร้อมที่จะส่งให้ ธปท. เข้ามาตรวจสอบ ส่วนอีกประเด็น คือ ให้ระวังการใช้ผิดประเภท ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้เสนอตัดสิทธิ์ กลุ่มคนที่เคยประพฤติขัดต่อข้อตกลงโครงการของรัฐในอดีต เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมีการนำเงินไปใช้ผิดประเภท นำไปแลกเป็นเงินสดหรือไม่ได้ใช้บริการจริง แต่ใช้สิทธิ์เพื่อที่จะเอาเงินมาแบ่งกัน ซึ่งเคยมีคดีความเกิดขึ้น กลุ่มนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์ 10,000 บาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รวมทั้งอาจจะโดนตัดสิทธิ์ ในโครงการช่วยเหลืออื่นๆ จากภาครัฐในอนาคตด้วย
ส่วนการแถลงใหญ่ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ นอกจากจะมีการชี้แจงถึงรายละเอียดและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนแล้ว จะนำตัวอย่างแอปพลิเคชั่น มาสาธิตการเข้าใช้ระบบ คนที่ถูกตัดสิทธิ์ ระบบจะแจ้งสาเหตุให้ทราบ เช่น มีรายได้เกินกว่าที่เงื่อนไขกำหนด ซึ่งระบบจะมีกระบวนการในการอุทธรณ์โต้แย้งสิทธิ์ และหากตรวจสอบซ้ำพบว่ามีความผิดพลาดจะมีการคืนสิทธิ์ให้
นายจุลพันธ์ ย้ำว่าระบบมีความพร้อม และสามารถเปิดลงทะเบียนได้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ตามที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเอาไว้ ประชาชนสามารถเข้าไปยืนยันตัวตน หรือ KYC ผ่านแอปฯ ทางรัฐ ได้ตั้งแต่วันนี้ ล่าสุดมียอดการยืนยันตัวตนแล้วหลักล้านคน พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเว็บไซต์ปลอมหลอกลงทะเบียน ซึ่งรัฐบาลจะใช้การลงทะเบียนผ่าน แอปฯ ทางรัฐเท่านั้น. -516-สำนักข่าวไทย