fbpx

ผู้ว่าการ ธปท. แจงปรับดอกเบี้ยต้องดูรอบด้าน

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – ผู้ว่าการ ธปท. แจงปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายต้องดูผลกระทบรอบด้าน สร้างความสมดุล ขณะมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2567 มั่นใจยังขยายตัวได้ 3%


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงถึงประเด็นการเข้าใจผิดทั้งด้านเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ในงาน Meet the press ผู้ว่าการ ธปท. พบสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจไทย แม้จะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องและเริ่มทยอยกลับเข้าสู่ระดับศักยภาพ จากแบบจำลองของ ธปท.มองว่า ศักยภาพของเศรษฐกิจไทย ในช่วงปี 2566 -2567 จะอยู่ที่ระดับ 3% ลดลงจากช่วง 10 ก่อนโควิด ที่อยู่ในระดับ 3.0-3.5% โดยมองว่าเป็นการฟื้นแต่ไม่มาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกจ้างและอาชีพอิสระที่รายได้สวนทางกับรายจ่ายและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น หากต้องการจะดัน GDP ให้โตได้ 3% อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องพัฒนาด้านแรงงานและศักยภาพของแรงงานให้มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน

ส่วนด้านอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงขณะนี้ ยืนยันว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้วกับเศรษฐกิจ จากการพิจารณาแนวโน้มในระยะข้างหน้า หากในอนาคตมีปัจจัยที่เข้ามามีนัยสำคัญก็พร้อมปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมชี้แจงว่าหากจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะต้องพิจารณอย่างรอบด้านทั้ง การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน มาตรการทางการเงิน หนี้ครัวเรือน


ทั้งนี้ ดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ต้องตอบโจทย์หลายโจทย์พร้อมกัน และต้องหาจุดสมดุลในหลายฝ่าย ทั้งลูกหนี้ ผู้ฝากเงิน ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ซึ่งไม่สามารถมองในมุมใดมุมหนึ่งได้ จึงต้องหาเครื่องมืออื่นมาช่วยตอบโจทย์และลดผลข้างเคียง ด้วยมาตรการอื่นๆที่ตรงจุดกว่า ผลข้างเคียงน้อยกว่า อาทิ มาตรการด้าน LTV เสถียรภาพทางการเงิน มาตรการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะมาตรการทางการเงิน ที่ออก soft loan หรือสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 1.38 แสนล้านบาท จากวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ล้านบาท ปรับโครงสร้างหนี้กลุ่มฟ้า-ส้ม 16 ล้านบัญชี คลินิกแก้หนี้ โดยเฉพาะมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Respossible lending) ที้เน้นปรับโครงสร้างหนี้และแก้หนี้ทั้งระบบ

พร้อมย้ำว่า ธปท. ให้ความสำคัญกับการเร่งรัด สถาบันการเงิน ให้ช่วยเหลือลูกหนี้ โดยภายใต้มาตรการ Respossible lending ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ต้นปี 2567
ข้อมูลจนถึง 30 เม.ย.2567 มีลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องรวม 8.2 แสนบัญชี หรือ 2.3 แสนล้านบาท ขณะที่มีการติดตามตรวจสอบหลังมีการปรับเกณฑ์การโฆษณาสินเชื่อ พบว่ามีความ ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 3% ในเดือน ม.ค.67 เพิ่มขึ้นเป็น 63% ในเดือน มิ.ย.67

สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2567 โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวได้ 1.5% ก็ถือว่าน่าพอใจ ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าน่าจะขยับได้ 2% ซึ่งหากเข้าสู่ไตรมาส 3 ปรับตัวขึ้นได้ 3% และไตรมาส 4 จะขยายตัวได้ 4% ทำให้ทั้งปี 67 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ระดับ 3% ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่ราว 3%. -516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“วิสุทธิ์” รับ “เกษียร” เป็นคนขับรถตัวเอง เรียกมาด่าแล้ว

“วิสุทธิ์” ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับ “เกษียร” ที่โยง “ต้นอ้อ” ขายวุฒิการศึกษา เป็นคนขับรถตัวเอง เผยเรียกมาด่าแล้วอย่าเชื่อคนง่าย ถูกสาวบางกอกหลอกใช้บัญชีรับโอนเงิน ยืนยันบริสุทธิ์ให้ ตร.สอบได้เต็มที่ไม่มีปกป้อง

“พร้อมพงศ์” ร้อง DSI ให้ตรวจสอบการฮั้วประมูล ก.สาธารณสุข

“พร้อมพงศ์” อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ร้องดีเอสไอให้ตรวจสอบการฮั้วประมูลระบบคลาวด์กระทรวงสาธารณสุข 1 พันล้านบาท ชี้มีชื่อกรรมการทับซ้อนกันหลายบริษัท

แจ้ง 4 ข้อหาหนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งชนรถพังยับ 6 คัน-เจ็บ 7

ตำรวจเร่งสอบปากคำและตรวจประวัติหนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งชนยับ 6 คัน บาดเจ็บ 7 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 1 คน พร้อมแจ้ง 4 ข้อหา ก่อนให้ประกันตัวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์

ทั่วไทยจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์

ทั่วไทยประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

ข่าวแนะนำ

“ชัชชาติ” สั่งเร่งเยียวยาเหตุเพลิงไหม้ย่านเยาวราช

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สั่งเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช ล่าสุดเช้านี้เจ้าหน้าที่ยังคงฉีดน้ำหล่อเลี้ยงป้องกันปะทุซ้ำ

เต็นท์รถมือสองจะอยู่อย่างไรในยุครถป้ายแดงแข่งดัมพ์ราคา

สงครามราคารถไฟฟ้าจีน รถยนต์สันดาป หรือรถที่เราใช้กันส่วนใหญ่ รถน้ำมัน รถแก๊ส ทำธุรกิจเต็นท์รถมือสองต้องเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่จริงหรือไม่ และเต็นท์รถมือสองจะอยู่อย่างไรในยุครถป้ายแดงแข่งกันดัมพ์ราคา

ส่องร้อยเอ็ดโมเดล สู่จังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด

จังหวัดร้อยเอ็ด มีเวลาอีกไม่ถึง 3 เดือนเต็มที่จะเป็นจังหวัดสีขาวนำร่องปลอดยาเสพติด ภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชูเป็นโมเดลของประเทศ นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะอำเภอนำร่องอย่างธวัชบุรี ที่หวังจะให้เป็นสีขาวภายในสิ้นเดือนที่ผ่านมา ก็ยังเจอปัญหามากมาย