กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-กล่มปูนฯเจ๋ง พัฒนานวัตกรรมพึ่งพาพลังงานตนเองลดพึ่งพาระบบใหญ่ถึงร้อยละ 40 แนะภาครัฐเร่งทำแพล็ตฟอร์ม กฏระเบียบ รองรับพลังงานทางเลือก ส่งเสริม ประโครงข่าย เพื่อให้เกิดทางเลือกไฟฟ้า ระหว่างผู้ใช้และผู้ผลิตให้หลากหลาย มั่นคง ยั่งยืน
นายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) และนายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA)กล่าวว่า ไฟฟ้านับเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้สภาวะผันผวนตามบริบทโลก จึงต้องรักษาสมดุลทั้งด้านเสถียรภาพ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นธรรม ที่ผ่านมาทางผู้ผลิตกลุ่มซีเมนต์ภายใต้ TCMA ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มการใช้พลังงาน และ renewable energy ทั้งจาก WHG solar biomass และ waste มีการพัฒนา micro grid และ load curve management เพื่อบริหารจัดการพลังงานทั้งฝั่ง demand และ supply ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้
“หากไฟฟ้าตกดับเพียง 1 นาทีกระทบเป็นเงินถึง 5 แสนบาทต่อครั้ง ปัจจุบันโรงงานปูนฯที่สระบุรีจึงนำเทคโนโลยีผลิตพลังงานใช้เองมาใช้มากขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างกันในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ต้นทุนค่าซื้อไฟฟ้าของเราลดลง และหลายโรงปูนฯก็เป็นแบบนี้ เหลือซื้อจากระบบของการไฟฟ้า 12,000-13,000 ล้านบาท จาก 20,000 ล้านบาทที่เหลือ 40% ผลิตใช้เอง ซึ่งเราพร้อมเป็นโมเดลให้ทุกภาคส่วนได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้”นายชนะระบุ
นายชนะได้ฝากข้อเสนอแนะต่อการสร้างค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม 3 ข้อสำคัญ ได้แก่ ด้านการใช้ประโยชน์อุปกรณ์โครงข่ายต่างๆ ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เพื่อให้เกิดทางเลือกระหว่างผู้ใช้และผู้ผลิต ให้เกิดผลตามแผน PDP และ ERC Sandbox ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. )ได้ทดลอง ควรเร่งรัดให้เร็วขึ้น ,การสนับสนุน Energy Storage ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น Chemical Battery, Thermal Battery ความร้อนหรือความเย็น, หรือ Gravity Storage เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนโหลดของผู้ใช้ Energy Storage ร่วมกัน และการกำหนดให้มี Flexible Tariff ร่วมกับเร่งรัด Platform สำหรับซื้อขายไฟฟ้าได้หลายแหล่งและหลากหลายคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา
นอกจากนั้น ยังได้เสนอแนวทางการสร้างทางเลือกทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความเป็นธรรม ผ่านสระบุรีแซนด์บอกซ์ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก กกพ. พร้อมเดินหน้านำร่องโมเดลความร่วมมือในสระบุรีแซนด์บอกซ์เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่เป้าหมาย Thailand NDC การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ.-511-สำนักข่าวไทย