เชียงใหม่ 16 เม.ย.- รมช.คมนาคม ตรวจสอบความพร้อมการให้บริการเดินรถของสถานีรถไฟเชียงใหม่ และสถานีขนส่งผู้โดยสาร (อาเขต) เพิ่มความมั่นใจให้ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมเสริมเที่ยวรถรองรับขากลับไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง เมื่อวันที่ 15 เม.ย.67
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสถานีรถไฟเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้มีแผนที่จะพัฒนาสถานีรถไฟให้ดีขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หันมาเดินทางโดยรถไฟมากขึ้น ในเบื้องต้นได้ปรับปรุงโบกี้ผู้โดยสาร ทาสี ปรับปรุงเบาะที่นั่งและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้มีความสวยงามและพร้อมใช้งาน ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษในเส้นทางสายเหนือเพิ่มอีก 1 ขบวน เป็นขบวนรถด่วนพิเศษ เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ สำหรับรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภายหลังจากนั้น ได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมการให้บริการเดินรถของสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 3 (อาเขต) ซึ่งได้มีการเสริมเที่ยวรถเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ทั้งขาไปและขากลับ โดยในส่วนของรถหมวดที่ 2 เส้นทางเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ ได้เพิ่มเที่ยวรถจาก 68 เที่ยว เป็น 102 เที่ยวต่อวัน รองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก 1,800 คน เป็น 2,880 คนต่อวัน ขณะที่รถหมวดที่ 3 เส้นทางเชียงใหม่ – ต่างจังหวัด (ยกเว้นกรุงเทพฯ) ได้เพิ่มเที่ยวรถจาก 278 เที่ยว เป็น 361 เที่ยวต่อวัน รองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก 5,600 คน เป็น 7,840 คนต่อวัน คาดว่าทั้งหมดนี้จะเพียงพอต่อการเดินทางของผู้โดยสาร และจะไม่ทำให้มีผู้โดยสารตกค้าง
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้บริหารจัดการขนส่งสาธารณะจากต้นทางที่กรุงเทพฯ ออกสู่ปลายทางจังหวัดต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เรียบร้อยแล้ว จึงได้มาติดตามการให้บริการในส่วนของปลายทาง ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก จึงต้องมาดูในเรื่องของการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งจากการตรวจสอบการให้บริการทั้งในส่วนของรถไฟและรถประจำทางที่จังหวัดเชียงใหม่แล้ว ถือว่ามีภาพรวมการให้บริการที่ดี มีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60 แต่ปริมาณรถโดยสารที่เตรียมไว้ก็ยังเพียงพอต่อผู้เดินทาง โดยหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะมีการประชุมหารือถึงแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะร่วมกับทุกจังหวัด เพื่อผลักดันให้การบริหารจัดการและการให้บริการดียิ่งขึ้น จะนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยในการจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว
สำหรับแนวทางการสร้างความปลอดภัยขากลับ จะเป็นไปตามมาตรการ “สะดวก สบาย ปลอดภัย ไร้รอยต่อ” โดยจะมีการตั้งจุด Checking Point ของกรมขนส่งทางบก เพื่อตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถและรถโดยสารก่อนที่จะออกไปให้บริการประชาชน เน้นตรวจแอลกอฮอล์ สารเสพติด และความง่วง ขณะเดียวกันจะมีการเก็บข้อมูลสถิติต่าง ๆ ทั้งตัวเลขการจำหน่ายตั๋วทั้งในระบบออนไลน์และวอร์คอิน การแยกประเภทของผู้เดินทาง เวลาในการเข้าจอดรถที่ชานชลาที่เหมาะสม การไหลเวียนของระบบจราจร เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์และพัฒนาเป็นระบบบริหารจัดการขนส่งสาธารณะที่เหมาะสม โดยมองว่าการเกิดอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์นี้จะลดลงอย่างแน่นอน ด้วยการเตรียมความพร้อมที่ดีของทุกฝ่าย .-513-สำนักข่าวไทย