กรุงเทพฯ 13 ก.พ. – “ไปรษณีย์ไทย” ผนึกกำลัง “บีไอจี” และ “EGCO Group” พัฒนาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคโลจิสติกส์ เร่งเครื่องสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
“ไปรษณีย์ไทย” ผนึกกำลัง “บีไอจี” และ “บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group” ลงนามความร่วมมือในการศึกษาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในการพัฒนาและให้บริการด้านโลจิสติกส์ ของไปรษณีย์ไทย ยกระดับการบริหารจัดการพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งพัสดุและสินค้าทางไปรษณีย์อย่างยั่งยืน และมุ่งหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ ในปี ค.ศ. 2065
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะรับผิดชอบการจัดหาเส้นทางการทดสอบการใช้พลังงานไฮโดรเจนในการขนส่งและโลจิสติกส์ทางภาคพื้นดินภายในประเทศและสร้างโอกาสขยายไปยังต่างประเทศในอนาคต ขณะที่ บีไอจี รับผิดชอบในการสนับสนุนการจัดหารถขนส่งและการเติมไฮโดรเจน รวมทั้งนวัตกรรมการใช้พลังงานไฮโดรเจนเพื่อยานยนต์ และ EGCO Group จะร่วมสนับสนุนข้อมูลในการพัฒนาและแสวงหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมไฮโดรเจนด้านอื่น ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่ง อาทิ การใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฮโดรเจนเพื่อนำมาใช้ในภาคโลจิสติกส์
ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมศึกษาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในการพัฒนาและให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทย โดยมีบีไอจีซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมจากไฮโดรเจน และ EGCO Group ผู้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องมากว่า 31 ปี โดยมีความมั่นใจว่าการศึกษาความเป็นไปได้ครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญของการนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ในภาคโลจิสติกส์ของประเทศไทย และขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทย สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามนโยบายของภาครัฐ
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวว่า “บีไอจีเดินหน้าในการนำนวัตกรรมจากไฮโดรเจนที่บีไอจีและแอร์โปรดักส์ บริษัทแม่ของบีไอจีจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีความชำนาญและเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก มุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนในระดับสากล อีกทั้งสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบีไอจีผ่าน Generating A Cleaner Future บีไอจีตระหนักถึงการใช้พลังงานสะอาดเพื่อ ร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในประเทศไทยด้วยการชูนวัตกรรมจากไฮโดรเจนซึ่งเป็นหนึ่งใน Climate Technology มาใช้ในภาคยานยนต์ เพื่อเป็นแรงสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่ง โดยที่บีไอจีมีการลงทุนเกี่ยวกับนวัตกรรมไฮโดรเจนอย่างต่อเนื่อง”
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group กล่าวว่า “EGCO Group ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยทิศทาง “Cleaner, Smarter, and Stronger to Drive Sustainable Growth” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญและมีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว (Green Energy) โดยการร่วมมือกับพันธมิตรศึกษาเทคโนโลยีและแสวงหาโอกาสลงทุนในห่วงโซ่อุปทานของไฮโดรเจน ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการประยุกต์ใช้งาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานกว่า 31 ปี EGCO Group พร้อมร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยและบีไอจี สนับสนุนข้อมูลในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซไฮโดรเจนสำหรับความร่วมมือครั้งนี้ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในอนาคต”
ทั้งนี้ปณท เป็นผู้นำในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยที่มีเครือข่ายไปรษณีย์ทั่วประเทศ และมีการใช้พลังงานจากยานยนต์ในระบบขนส่งหลากหลายรูปแบบทั้งรถบรรทุกและรถจักรยานยนต์ กว่า 25,000 คัน ปณท มุ่งมั่นที่ปรับระบบงานต่าง ๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกให้มากขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การปรับเปลี่ยนยานยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันให้เป็นพลังงานไฟฟ้า การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในอาคารสถานที่ของ ปณท และการนำวัสดุอุปกรณ์ เช่น กล่อง ซองกระดาษ กลับมาใช้งานใหม่ อันเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2050 และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ www.thailandpost.com และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/thailandpost.co.th
บีไอจีเป็นผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) เป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ (Air Products and Chemicals, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทใน New York Stock Exchange (NYSE) และ US Fortune 500 โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) อย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปี ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ก๊าซอุตสาหกรรม นวัตกรรม เทคโนโลยีการใช้ก๊าซสำหรับทุกอุตสาหกรรม และเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจน กรีนแอมโมเนียรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงานด้วยเป้าหมาย Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2050 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.bigth.com หรือ www.airproducts.com
สำหรับ EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,996 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,440 เมกะวัตต์ (คิดเป็นสัดส่วน 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและในทะเล เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่าง ๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม “EGCO Rayong” บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” ทั้งนี้ EGCO Group ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) มา 4 ปีต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2050 สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EGCO Group ได้ที่เว็บไซต์ www.egco.com และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/EGCOGroup.- สำนักข่าวไทย