นนทบุรี 3 พ.ย. – รมว.พาณิชย์ รอประเมินสถานการณ์ส่งออกร่วมกับเอกชน 10 พ.ย.นี้ ชี้สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสยังไม่มีผลการค้าไทย แต่ยังจับตาใกล้ชิด แต่มั่นใจยอดส่งออกทั้งปีไม่ติดลบเกินร้อยละ 2 แน่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้รับรายงานสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสอย่างต่อเนื่อง จากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ในพื้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสถานการณ์สงครามในเวลานี้ยังคงจำกัดวงและไม่ได้ขยายพื้นที่ไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดการค้าหลักของไทย ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการค้าของไทยจึงยังคงอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยากให้มีการพิจารณาถึงสถานการณ์ความปลอดภัยเป็นหลักและหวังว่าเหตุการณ์จะไม่ขยายวงออกไปซึ่งอาจกระทบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ โดยทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศจะต้องติดตามและเตรียมความพร้อมตั้งรับกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนไปในทุกรูปแบบ
สำหรับสถานการณ์การค้าและการส่งออกในภาพรวม ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ภาคการท่องเที่ยว โดยตนจะเป็นประธานการประชุม คาดว่าจะได้ตัวเลขการส่งออกที่ชัดเจนในปีนี้ และประเมินสถานการณ์การส่งออกของปีหน้าได้ รวมทั้งจะได้เตรียมข้อมูลเพื่อร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีในวันที่ 21-23 พ.ย.นี้ กับทีมไทยแลนด์เพื่อเร่งรัดการค้าไทย การท่องเที่ยว การลงทุน เอกชน บีโอไอเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์การค้าและการส่งออกในภาพรวมอีกครั้ง ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ภาคการท่องเที่ยว โดยตนจะเป็นประธานการประชุม คาดว่าจะได้ตัวเลขการส่งออกที่ชัดเจนในปีนี้ และประเมินสถานการณ์การส่งออกของปีหน้าด้วย
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การค้าล่าสุดในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้น่าจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น โดยตัวเลขการส่งออกคงไม่ติดลบมากถึงร้อยละ 2 อย่างแน่นอน หลังจากการส่งออกเริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกได้แล้วในช่วง 2 เดือนล่าสุด เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีมีสถานการณ์ของการเฉลิมฉลองของต่างประเทศจึงมีการนำเข้าสินค้ามากขึ้น. -สำนักข่าวไทย