กกร.ประเมินสงครามอิสราเอลและฮามาสกระทบเศรษฐกิจโลกปีหน้า 0.1-0.3% 

กรุงเทพฯ 1 พ.ย.-กกร.ประเมินผลกระทบสงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาสกระทบเศรษฐกิจโลกปีหน้า 0.1-0.3% แต่ยังกังวลใจหากรุนแรงกระจายไปยังภูมิภาคกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกแน่ พร้อมยังสนับสนุนดิจิทัลวอลเล็ตแต่เน้นเฉพาะกลุ่มมากกว่า แนะรัฐบาลพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหากจะขึ้นขอดูจังหวะให้ดีเนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว


คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน  (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดย กกร.ได้จัดประชุมคณะกรรมการประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. เป็นประธานในการประชุม  นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายผยง ศรีวณิชประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานร่วมในการประะชุม โดยที่ประชุม กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจ ดังนี้

ทั้งนี้ สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก สงครามส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานในตลาดโลก หากสงครามรุนแรงและขยายวงกว้างไปถึงประเทศที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งสูงแตะระดับ 140-150 ดอลลาร์ฯต่อบาเรลได้ อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในวงจำกัด คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยังอยู่ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ฯต่อบาเรล และเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะกระทบ 0.1-0.3% เท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากสงครามจะผ่านช่องทางการค้า การท่องเที่ยว และราคาพลังงานยังไม่มากนัก ไทยมีการค้ากับอิสราเอล ปาเลสไตน์ และประเทศรอบข้างเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์ฯต่อปี หรือต่ำกว่า 0.3% ของการค้าระหว่างประเทศ และมีนักท่องเที่ยวราว 2 แสนคนต่อปี หรือต่ำกว่า 1% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่หากขยายวงกว้างอาจกระทบกับการค้ากับตะวันออกกลางโดยรวม ซึ่งคิดเป็น 4% ของการส่งออกของไทยและกระทบกับต้นทุนนำเข้าพลังงานเป็นภาระการคลัง และค่าครองชีพของผู้บริโภค โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยฟื้นชะลอลงกำลังซื้อของครัวเรือนไทยเริ่มแผ่วลง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มอยู่ที่ 28-29 ล้านคน น้อยกว่าประมาณการเดิมที่ 29-30 ล้านคน 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายมาตรการยกเว้นการขอวีซ่านักท่องเที่ยวเพิ่มเติมให้กับอินเดียและไต้หวันในช่วง High season รวมทั้งแรงหนุนจากมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนของภาครัฐ จะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้

กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ของ กกร.


%YoYปี 2566( .. 66)ปี 2566( .. 66)ปี 2566( .. 66)
GDP2.5 ถึง 3.02.5 ถึง 3.02.5 ถึง 3.0
ส่งออก-2.0 ถึง -0.5-2.0 ถึง -0.5-2.0 ถึง -1.0
เงินเฟ้อ1.7 ถึง 2.21.7 ถึง 2.21.7 ถึง 2.2

ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. มีความเห็นว่า ประเด็นด้านสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจโลก ให้เผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการส่งออกในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม สินค้าส่งออกหลักของประเทศไทย คือ สินค้าเกษตร และยานยนต์ ยังมีแนวโน้มขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีที่ประชุม กกร.จึงได้ประมาณการส่งออกไว้เป็น -2.0 ถึง -1.0 และมีความกังวลต่อค่าเงินบาทที่อยู่ในทิศทางอ่อนค่า แม้ว่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ แต่เป็นปัจจัยกดดันให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล จากความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ กกร. ขอบคุณรัฐบาลที่ได้ที่มีมาตรการลดค่าครองชีพและต้นทุนผู้ประกอบการ ทั้งค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ในช่วงที่ผ่านมา กกร. หวังว่ารัฐบาลจะเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนพลังงานของประเทศในระยะยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีข้อเสนอเพิ่มเติมต่อนโยบายรัฐบาล ดังนี้ คือ 1. กกร. เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อช่วยประคับประคองกำลังซื้อภายในประเทศ และควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและผลลัพธ์ที่คาดหวังให้ชัดเจนในการเข้าร่วมโครงการ และควรใช้ระบบเดิมที่มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และประชาชนมีความคุ้นชิน เน้นไปที่การต่อยอดและไม่ลงทุนซ้ำซ้อน รวมทั้งควรมีการส่งเสริมให้เกิดการซื้อสินค้าที่มีการผลิตในประเทศ เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและต่อเนื่องให้กับกลุ่มเป้าหมาย เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและศักยภาพของประเทศ พร้อมทั้งสอดประสานกับนโยบายเศรษฐกิจอื่นๆ ให้เกิดความต่อเนื่อง และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจไทย

2. ในส่วนของนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ กกร. เห็นว่าเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูง และผู้ประกอบการยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว จึงควรพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้สอดคล้องตามสภาพเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ โดยใช้กลไกของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานตามทักษะ (Pay by Skill) เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานควบคู่ไปกับประสิทธิภาพแรงงาน (Productivity) โดยที่ผ่านมา ภาคเอกชนได้ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินโครงการจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแล้ว 88 สาขาวิชาชีพ เช่น ช่างเชื่อมโลหะ ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร ช่างประกอบยานยนต์  เป็นต้น ซึ่งได้เริ่มทดสอบไปแล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องจำนวนศูนย์ทดสอบ เครื่องมือที่ไม่เพียงพอ รวมถึงงบประมาณในการสนับสนุน จึงไม่สามารถดำเนินโครงการได้เต็มศักยภาพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท

ซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกงเสียชีวิตขณะเปิดร้าน

คนร้ายโหดซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกง กระสุนเจาะทะลุคอเสียชีวิต ขณะยกกับข้าวเตรียมเปิดร้าน ตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้ายและปมเหตุสังหาร

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ