SCB EIC เผยส่งออกไทยเดือน ส.ค.66 เริ่มฟื้น คาดปีหน้าพลิกกลับมาขยายตัว

กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – SCB EIC ปรับลดประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าไทยปี 2566 เหลือ -1.5% แม้มูลค่าส่งออกเดือน ส.ค.66 ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 11 เดือน  คาดปี 2567 ส่งออกไทยพลิกกลับมาขยายตัวได้ 3.5% จากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อเนื่อง ปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลาย แนวโน้มน้ำมัน-สินค้าเกษตรราคาขยับขึ้น


ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออกสินค้าของไทยในเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 24,279.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัวได้ 2.6%YOY หลังจากหดตัวต่อเนื่องรุนแรง และนับเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ภาพรวมของปี 2566 มูลค่าส่งออก 8 เดือนแรก อยู่ที่ 187,593.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -4.5% โดยการส่งออกเดือน ส.ค. นี้กลับมาขยายตัวได้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก (1) ราคาสินค้าส่งออกสูงขึ้น (2) ปัจจัยฐานสูงเริ่มลดลง และ (3) ปัจจัยพิเศษจากการส่งสินค้ากลุ่มยานยนต์สำหรับใช้งานพิเศษจากไทยไปสหรัฐฯ ซึ่ง SCB EIC ประเมินเบื้องต้นว่ายานยนต์สำหรับใช้งานพิเศษดังกล่าวนี้เป็นอุปกรณ์ในการซ้อมรบ ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยสูงกว่าปกติราว 2.9 percentage point อย่างไรก็ดี หากหักผลกระทบจากการส่งออกสินค้าที่ไม่สะท้อนสภาวะส่งออกของไทยอย่างแท้จริง ได้แก่ ทองคำ อาวุธ และยานยนต์สำหรับใช้งานพิเศษ พบว่าการส่งออกของไทยยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 0.7% แต่หากหักผลฤดูกาลแล้วพบว่าการส่งออกขยายตัวมากถึง 5.4%MOM_sa เทียบเดือนก่อน สะท้อนแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในเดือนนี้ แม้ไม่รวมแรงหนุนปัจจัยชั่วคราวและปัจจัยทางเทคนิค

ภาพรวมการส่งออกรายสินค้าในเดือน ส.ค. ปรับดีขึ้นในหลายกลุ่มสินค้า (1) สินค้าเกษตรพลิกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ 4.2% โดยผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งและข้าวเป็นสองกลุ่มสินค้าเกษตรที่ส่งออกดีส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่ขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ที่ 6.6%  จากผลกระทบของสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงนโยบายห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย (2) สินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว 2.5% ได้หลังจากหดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ส่วนหนึ่งจากการเคลื่อนย้ายสินค้ากลุ่มยานยนต์สำหรับใช้งานพิเศษออกจากประเทศ นอกจากปัจจัยพิเศษนี้ การส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบเป็นสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกที่ขยายตัวดีในเดือนนี้ (3) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงกลับมาขยายตัว 22.2% หลังจากหดตัวรุนแรงก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านราคาที่หดตัวในอัตราชะลอลง ขณะที่ (4) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรยังหดตัวต่อเนื่องที่-7.6% ปรับดีขึ้นจาก -11.8% ในเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวเร่งขึ้นเล็กน้อยที่ 2.5% 


การส่งออกกลับมาขยายตัวได้ในหลายตลาดสำคัญ รวมถึงจีน ที่แม้ยังผันผวน แต่ยังขยายตัวได้ 1.9% ในเดือนนี้จากการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งที่ขยายตัวมากถึง 119.5% ด้านดุลการค้าเกินดุลเล็กน้อยจากปัจจัยพิเศษการเคลื่อนย้ายสินค้าในกลุ่มยานยนต์สำหรับใช้งานพิเศษจากไทยไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามการส่งออกจะมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามลำดับ และขยายตัวชัดเจนในช่วงท้ายปีจากเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 และปัจจัยฐานต่ำ ประกอบกับมีแรงสนับสนุนจากปัจจัยราคาสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างไรก็ดี การขยายตัวช่วงท้ายปีจะไม่สามารถชดเชยการหดตัวรุนแรงในช่วง 7 เดือนแรกของปีได้ ดังนั้น SCB EIC จึงปรับมุมมองประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าในปี 2566 เป็นหดตัว -1.5% (USD BOP) ลดจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 0.5% 

ส่วน ปี 2567 การส่งออกไทยมีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวได้ 3.5% จากปริมาณการค้าโลกในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวดีกว่าปี 2566 รวมถึงเศรษฐกิจโลกปี 2567 คาดว่าขยายตัวต่อเนื่องใกล้เคียงปี 2566 ที่ 2.3% โดยเฉพาะภาคการผลิตที่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นจากปีนี้, ปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลงและต้นทุนการขนส่งสินค้าลดลงกลับสู่ระดับปกติ, ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้าที่มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงปีนี้ประกอบกับกลุ่ม OPEC+ ขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับสูงขึ้น และนโยบายการจำกัดการส่งออกสินค้าเกษตรจากบางประเทศที่จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น เช่นนโยบายควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดียที่มีส่วนผลักดันให้ราคาข้าวโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการส่งออกของไทยยังมีปัจจัยกดดัน ได้แก่ นโยบายการเงินตึงตัวมากกว่าคาดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วทำให้เศรษฐกิจคู่ค้าหลักชะลอลง, เศรษฐกิจจีนขยายตัวแผ่วลง ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจใช้เวลาฟื้นตัว จะกระทบสินค้าส่งออกบางชนิดของไทยที่พึ่งพาตลาดจีนสูง และเป็นส่วนหนึ่งของ Supply chain จีน โดยเฉพาะยางพารา ไม้ยางพารา ปิโตรเคมี คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และชิ้นส่วนรถยนต์  และภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยปริมาณฝนในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 41 ปีในหลายพื้นที่ของไทยส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเกษตรของไทยลดลงในหลายกลุ่มจากปริมาณผลผลิตที่เสียหาย โดยเฉพาะข้าวอ้อย และน้ำมันปาล์ม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทนายบอสพอล แฉ “อัจฉริยะ” ลักไก่ให้ “บอสแล็ป” เซ็นเป็นตัวแทนสู้คดี

ทนายบอสพอล แฉ “อัจฉริยะ” ลักไก่เข้าไปในเรือนจำกับพนักงานสอบสวน ให้ “บอสแล็ป” เซ็นมอบอำนาจเป็นตัวแทนจัดการเรื่องกฎหมาย มีความพยายามเจาะหลังบ้านทนายผู้ต้องหา เตรียมนำเรื่องนี้ไปแจ้งความกับ “พล.ต.ต.จรูญเกียรติ” และมีแผนเตรียมยื่นประกันตัว 18 บอส “ดิไอคอน กรุ๊ป”

ข่าวแนะนำ

แมนฯ ยูไนเต็ด ปลด “เทน ฮาก” พ้นผู้จัดการทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศปลด “เอริค เทน ฮาก” กุนซือชาวดัตช์ จากตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังนำทีมพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ นำทีมรั้งอันดับ 14 ของตาราง

สุดทางกฎหมายคดีตากใบ 20 ปี จุดเริ่มต้นพลังภาคประชาชน

แม้คดีตากใบขาดอายุความ 20 ปีไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ ศาลจังหวัดนราธิวาส นัดคู่ความสองฝ่ายมาไต่สวนมูลฟ้องครั้งสุดท้าย และเป็นไปตามคาดหมาย เมื่อสุดท้ายศาลแถลงจำหน่ายคดี รวมทั้งเปิดโอกาสให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตสอบถามข้อสงสัยของคดีนี้กับศาลได้โดยตรง

เบื้องหลังการถ่ายทอดขบวนเรือพระราชพิธีฯ

วันที่ 27 ตุลาคม 2567 ประเทศไทยมีพระราชพิธีสำคัญคือ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

“ทนายตั้ม” ยันได้เงิน 71 ล้าน จากความเสน่หา

“ทนายตั้ม” ยืนยันไม่หนักใจ กรณีถูกเศรษฐีเจ้าของธุรกิจในฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทีมทนายรวบรวมพยานหลักฐาน