ดีเดย์ 17 ก.ย. สลาก L6 101 ล้านฉบับ เพิ่มดิจิทัลเป็น 21 ล้านฉบับ  

นนทบุรี 11 ก.ย.-สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เริ่มขายตัวสลาก L6 17 ก.ย.นี้  รวม 101 ล้านฉบับ แบ่งเป็นแบบดิจิทัล21 ล้านฉบับ ผ่านแอปเป๋าตัง และแบบใบอีก 80 ล้านฉบับ จากนั้นจะเพิ่มแบบดิจิทัลเป็น 30 ล้านฉบับ ภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้มีเงินรางวัลสูงสุด 180 ล้านบาท ส่วนสลาก N3 มาแน่ภายในเดือนกันยายน ปีหน้า  เล็งออกรางวัลทุกสัปดาห์สู้หวยใต้ดิน-หวยประเทศเพื่อนบ้าน


พันโทหนุน ศัลสนาคม ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเคยความคืบหน้าการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบใหม่คือ สลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6 : L6) ว่า จะเริ่มจำหน่ายงวดแรกงวดประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2566 (เริ่มขาย 17 กันยายน 2566) โดยเป็นแบบใบ(มีการพิมพ์สลาก) จำนวน 80 ล้านฉบับ และแบบดิจิทัล(ไม่มีการพิมพ์สลาก) จำนวน 21 ล้านฉบับ รวมเป็นจำนวน 101 ล้านฉบับ  โดยสลาก L6 ทั้งแบบใบ และแบบดิจิทัล เป็นแบบกำหนดหมายเลขไว้ล่วงหน้า รูปแบบเดียวกับที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน แต่ทั้ง 2 แบบ จะถูกแยกจากกันชัดเจน  

แบบใบ มีลักษณะรายละเอียดเหมือนเดิมทุกอย่าง ผู้ซื้อซื้อเป็นใบ(มีการพิมพ์สลาก) และนำใบสลากไปขึ้นเงินรางวัลซึ่งบนสลากจะระบุข้อความ L6 แบบใบ  


ส่วนแบบดิจิทัล จะเป็นสลากดิจิทัลในแอปป๋าตัง รูปแบบคล้ายกับสลากใบทุกอย่าง มีข้อความกำกับบนสลากว่า L6 แบบดิจิทัล แต่สำนักงานสลากจะไม่พิมพ์เป็นใบออกมาจำหน่าย ส่วนการขึ้นรางวัลก็สามารถขึ้นได้ 3 ช่องทาง 1.ผ่านวอลเล็ต 2.ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย และ3.ขึ้นรางวัลที่สำนักงานสลากฯ  ทุกรางวัล(จากเดิมรางวัลที่1ต้องไปขึ้นรางวัลที่สำนักงานสลากเท่านั้น) นอกจากนี้ยังสามารถเก็บไว้รอขึ้นรางวัลได้นาน 2 ปี เช่นเดียวกับสลากแบบใบ สำนักงานสลากฯเตรียมเปิดตัวอย่างสลากทั้ง 2 แบบครั้งแรก ในวันออกสลากงวด 16 กันยายน 2566 และจะเริ่มขายในวันที่17 กันยายน 2566 (งวดออกรางวัล 1 ตุลาคม 2566) 

“คณะกรรมการสำนักงานสลากมีมติ เพิ่มจำนวนสลาก L6 ไม่เกิน 110 ล้านฉบับ  ภายในสิ้นปี 2566  โดยจะเพิ่มเฉพาะแบบดิจิทัลเท่านั้น ส่วนแบบใบคงไว้ที่ 80 ล้านฉบับเท่าเดิม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการการตอบรับของผู้ซื้อ ว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณสลากแบบดิจิทัลในแต่ละงวด ซึ่งคาดว่า จะเพิ่มงวดละ 1-2 ล้านฉบับ เมื่อถึงงวดสุดท้ายของปี2566 สลาก L6 แบบดิจิทัลก็อาจจะมีถึง 30 ล้านฉบับ นั่นหมายความว่า จะมีสลากรางวัลที่ 1 มากถึง 30 ฉบับ เงินรางวัลสูง 180 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่เพิ่มเฉพาะแบบดิจิทัล เนื่องจากบอร์ดฯสำนักงานสลากเห็นว่า สลากดิจิทัลสามารถแก้ไขปัฐหาสลากเกินราคาได้และได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี”พลโทหนุน กล่าว

สลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน จำนวน 100 ล้านใบต่องวด มีช่องทางจำหน่าย 2 ช่องทางคือ สลากใบที่ซื้อตามแผงจำนวน 80 ล้านฉบับ และ สลากใบที่ถูกแสกนเข้าระบบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ จำนวน 20 ล้านฉบับ 


ส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 หรือ ก่อนเดือนกันยายน พ.ศ.2567 จะต้องมีสลาก N3 ออกมาจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยวัตถุประสงค์หลักของสลาก N3 คือ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา เพราะขายด้วยระบบดิจิทัล ไม่สามารถซื้อ-ขาย เกินราคาได้ นอกจากนี้ก็ยังเป็นการดึงเงินจากหวยใต้ดินให้กลับเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น  เพราะซื้อครั้งเดียวสามารถลุ้นได้ถึง 4 รางวัล คือ 3 ตัวตรง/ 3ตัวสลับ(3ตัวโต๊ด)/  2ตัวตรง / และรางวัลแจ๊กพ็อต หรือรางวัลพิเศษ ที่เลือกจากคนที่ถูก 3 ตัวตรงมา 1 คน โดยรูปแบบการจ่ายเงินรางวัลเป็นแบบแปรผัน  ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ซื้อเลขนั้นๆ  โดยการจัดสรรเงินรางวัล กำหนด (1) ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล (2)ไม่น้อยกว่าร้อยละ23เป็นรายได้แผ่นดิน (3)ไม่เกินกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน  กำหนดให้นำเงินที่จัดสรรไว้เป็นเงินรางวัลไปสมทบในงวดถัดไป แต่ไม่เกิน 1 งวด

ส่วนการขายก็ยังเป็นการขายผ่านตัวแทน เช่นเดียวกับ สลาก L6  ขณะที่ราคาสลาก N3 อาจจะอยู่ที่ 50 บาท หรือต่ำกว่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2567 

“การออกสลาก N3 เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนซื้อสลากแบบถูกกฎหมายมากขึ้น เพราะผู้ซื้อสลากสามารถเลือกตัวเลขได้ตามความต้องการ เช่นเดียวกับหวยใต้ดิน ซึ่ง N3 จะช่วยดึงเงินเข้าให้มาในระบบได้มากขึ้น เนื่องจากราคาถต่ำกว่าสลาก L6 อีกทั้งสลาก N3 มีรางวัลให้ลุ้นมากกว่าหวยใต้ดิน ซื้อ1 ลุ้นได้ถึง 4 รางวัล และอาจจะมีการพิจารณาให้ออกรางวัลทุกสัปดาห์ ขณะที่ปัจจุบันหวยใต้ดิน – หวยประเทศเพื่อนบ้าน ที่ออกรางวัลถี่ บางประเภทออกทุกวัน ได้รับความนิยมสูง มีวงเงินเฉลี่ยกว่า 1.5 – 4 แสนล้านบาทต่อปี ”พันโทหนุน กล่าว

สำหรับตัวแทนจำหน่าย N3 อาจจะมาจากผู้จำหน่าย N6 อยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากสำนักงานสลากต้องการให้กลุ่มผู้ค้าที่อยู่ในระบบเดิมมีรายได้เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]