กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-ผลประกอบการ บจ.ภาพรวมไตรมาส2/66 ลดต่ำลง นักวิเคราะห์เตรียมหั่นคาดกาณ์ดัชนีหุ้นปลายปี 66 ด้าน เอ็กโก กรุ๊ปไตรมาสที่ 2/66 กำไร ลดลง 18% UBE ขาดทุน 106 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ผลประกอบการ บจ.ที่ออกมา พบว่าแม้ผลประกอบการของ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯกว่า 500 บริษัทจะออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ แต่ก็พบว่าส่วนใหญ่ก็ลดลง และอาจจะมีผลต่อการปรับลดคาดการณ์ดัชนีหุ้นของไทย โดยในส่วนของข้อมูลที่มี กำไรของ บจ.กว่า 300แห่ง พบว่า ไตรมาส 2/66 มีกำไรรวมกว่า 1.6 แสนล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว ร้อยละ 30 และในงวดครึ่งแรกของปี 66 มีกำไรรวม 3.5 แสนล้านบาทต่ำกว่าปีที่แล้วราวร้อยละ 20
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 66 มีรายได้รวม 15,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 65 2565 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 2,652 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 แห่งใน สปป.ลาว ได้แก่ น้ำเทิน 1 น้ำเทิน 2 และไซยะบุรี มีปริมาณการขายไฟฟ้าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำลดลงและมีการซ่อมบำรุง รวมทั้งโรงไฟฟ้าขนอมมีรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (AP) ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพาจู อีเอส ในเกาหลีใต้ ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2566 มีรายได้ 1,252.47 ล้านบาท ขาดทุน 106.64 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงไตรมาสที่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนประจำปี ทั้งโรงงานเอทานอลและโรงงานผลิตแป้งสำปะหลัง ประกอบกับการหยุดโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังชั่วคราวจากสถานการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบมันสำปะหลัง ซึ่งปริมาณวัตถุดิบได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2565 ในพื้นที่อุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ผลผลิตลดลงเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คาดการณ์ผลประกอบการจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3/2566 จากสถานการณ์วัตถุดิบที่เริ่มคลี่คลายและโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังกลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ขณะที่ ธุรกิจเอทานอลและธุรกิจกาแฟยังเติบโต
บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,204.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 593.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกประจำปี 2566 มีรายได้รวม 2,386.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,239.7 ล้านบาท ลดลง 1% รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลอันเนื่องมาจากบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ “SPR” ผู้ออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System) มีรายได้ 601.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 749 โดยได้มีการติดตั้งไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ ทั้งนี้เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีความต้องการมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย