กรุงเทพฯ 15 ส.ค.- “TIPMSE” จัดเวทีสัมมนา “ผู้ประกอบการแบรนด์สินค้ากับการเตรียมตัวสู่ EPR” ร่วมเจาะลึกข้อกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ. การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน หรือกฎหมาย EPR คาดใช้ปี 70 เพื่อเตรียมปรับตัว และพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน
นายธงชัย ศิริธร รองประธานสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) กล่าวในเวทีสัมมนา”ผู้ประกอบการแบรนด์สินค้ากับการเตรียมตัวสู่ EPR “ภายในงาน Propak Asia 2023” จัดโดยสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเตรียมความพร้อมของผู้ผลิต ผู้ประกอบการในการนำหลักการ EPR (Extended Producer Responsibility คือ หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตไปยังช่วงต่างๆ ของวงจรชีวิตของบรรจุภัณฑ์ โดยผู้ผลิตต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร) มาสู่การปฏิบัติทั้งภาคสมัครใจและรองรับกฎหมาย EPR เตรียมบังคับใช้ในปี 2570 ซึ่งเป็นกลไกในการขยายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิตให้ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วให้ถูกต้องตามหลักการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีภาครัฐ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ร่วมรับฟังมุมมองของภาคเอกชน เพื่อนำเสนอบรรจุในเนื้อหาร่างกฎหมาย EPR เพื่อการเตรียมความพร้อม นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
นางสาวพรรรัตน์ เพชรภักดี รองผู้อำนวยการใหญ่และรักษาการผู้อำนวยการ TIPMSE กล่าวว่า EPR เป็นเครื่องมือ ที่มุ่งส่งเสริมการจัดระบบเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเพื่อนำไปรีไซเคิลสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยที่ผ่านมา TIPMSE ซึ่งเป็นองค์กรหลักของภาคเอกชนได้เริ่มนำร่องทำโครงการ EPR ภาคสมัครใจภายใต้โครงการ PackBack เก็บกลับบรรจุภัณฑ์เพื่อวันที่ยั่งยืนขึ้นในจังหวัดชลบุรี 3 พื้นที่ ได้แก่ เทศบาลเมืองแสนสุข เทศบาลเมืองบ้านบึง และเทศบาลตำบลเกาะสีชัง โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งภาคชุมชน ซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า ผู้จัดเก็บรวบรวมรายกลางและรายใหญ่ เพื่อพัฒนาต้นแบบ EPR ของประเทศไทย รวมถึงถอดบทเรียน และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประกอบในการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อขยายผลไปใช้ในพื้นที่อื่นต่อไป
ผศ.ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์ หัวหน้าศูนย์วิจัยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อประเทศไทยปลอดขยะ (CEWT) สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ร่างกฎหมายต่อการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนตามหลักการ EPR หรือที่จะมีการเรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.จัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ฉบับนี้ จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 และจะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของรัฐสภา ซึ่งตามกำหนดการช่วงเวลาที่วางไว้ น่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณปี 2570
นายเลิศฤทธิ์ เลิศวัฒนวัลลี บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนการจัดการขยะและบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว ดังนั้นการนำหลักการ EPR มาใช้ในภาคบังคับ นับเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันทั้ง ซัพพลายเออร์ (Supplier) และ เจ้าของแบรนด์(Brand Owner) ซึ่งแบรนด์ต่างๆ พร้อมให้การสนับสนุน ในส่วนของผู้บริโภค จะต้องมีการให้ความรู้และเข้าใจในเรื่องรีไซเคิลมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย