กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-บสย. ผลักดันค้ำประกันทั้งปีท 1.5 แสนล้านบาท ขอรัฐบาลใหม่ ช่วยภาคเกษตร ท่องเที่ยว ภาคการผลิต หลังค้ำประกัน 6 เดือน ทะลุ 67,987 ล้านบาท เปิดสูตร 3 เร่ง เชื่อมดิจิทัลแพลตฟอร์ม สู่เป้าหมาย SMEs Gateway
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยผลดำเนินงาน บสย. 6 เดือนแรกของปี 2566 ระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน ประสบผลสำเร็จตามเป้าทั้งด้านค้ำประกันสินเชื่อ เติมสภาพคล่องทางการเงินต่อยอดธุรกิจ SMEs การแก้หนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผ่านมาตรการ“บสย. พร้อมช่วย” การให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A.Center) การขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล Digital Technology และการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานบน Line @tcgfirst ช่วง 6 เดือนแรก อนุมัติวงเงิน 67,987 ล้านบาท เติมสภาพคล่อง SMEs ได้สินเชื่อ 51,427 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 280,786 ล้านบาท สร้างสินเชื่อสู่ระบบ76,049 ล้านบาท รักษาการจ้างงานรวม 493,552 ตำแหน่ง พร้อมเดินหน้าผลักดันเป้าหมายค้ำประกันสินเชื่อในปีนี้150,000 ล้านบาทในสิ้นปี 66 นี้
บสย.อยากให้รัฐบาลใหม่ ช่วยดูแลภาคเกษตร ภาคบริการและท่องเที่ยว รวมถึงภาคการผลิต เพราะเป็นกลุ่มหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในช่วงนี้ หลังจากได้ค้ำประกัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1.ภาคบริการ สัดส่วน 31% ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภัตตาคาร ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจ
โรงแรมและหอพัก ธุรกิจท่องเที่ยว และ ธุรกิจแวร์เฮ้าส์
2.ภาคเกษตรกรรม สัดส่วน 11% ได้แก่ ธุรกิจผัก-ผลไม้ ธุรกิจชา กาแฟ ธุรกิจข้าว และพืชไร่ ธุรกิจสินค้าเกษตร ธุรกิจปศุสัตว์ และธุรกิจประมง
3.ภาคการผลิตและสินค้าอื่น สัดส่วน 10% ได้แก่ ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจค้าปลีก ตลาดสด และแผงลอย ธุรกิจค้าของเก่า ธุรกิจจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์ ธุรกิจการค้า ธุรกิจการผลิตอื่นๆ
ด้านผลดำเนินงานอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย. 2566) อนุมัติวงเงินรวม 67,987 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 51,427 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 280,786 ล้านบาท สร้างสินเชื่อสู่ระบบ 76,049 ล้านบาทรักษาการจ้างงานรวม 493,552 ตำแหน่ง ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ 4 โครงการ ได้แก่
1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2) วงเงิน 30,280 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 45% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 5,450 ราย
2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS 10) วงเงิน 24,766 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 40,254 ราย
3. โครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงิน ระยะที่ 7 (BI7) วงเงิน 8,634 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 4,453 ราย
4.โครงการค้ำประกันสินเชื่ออื่นๆ (PGS Renew และ PGS 5 ขยายเวลา) วงเงิน 4,307 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 1,702 ราย
โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่โดดเด่นในรอบ 6 เดือน ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS 10) อนุมัติค้ำประกันได้ถึง 24,766 ล้านบาท (จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติเมื่อเดือน ก.พ.2566 จำนวน 50,000 ล้านบาท) จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ ทั้ง 5 Segments คือ 1. Smart Biz (สัดส่วนค้ำ 62%) วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 5.17 ล้านบาท 2. Smart One (25%) วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 2.72 ล้านบาท 3. Small Biz (13%) วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 0.09 ล้านบาท 4. Smart Green (0.14%) วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 3.82 ล้านบาท 5. Start up (0.01%) วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 0.07 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 40,254 ราย และโครงการค้ำประกันดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2) ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 5,450 ราย อนุมัติค้ำ 30,280 บาท
นอกจากนี้ บสย. ยังประสบความสำเร็จในการให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) จำนวนผู้ใช้บริการลงทะเบียนขอรับคำปรึกษาและเข้าอบรมมากกว่า 14,076 ราย ขณะที่โครงการช่วยลูกหนี้ “บสย. พร้อมช่วย” มาตรการเชิงรุก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือลูกหนี้แก้หนี้ยั่งยืนได้รับผลสำเร็จดีเยี่ยม โดยสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ ผ่านโครงการประนอมหนี้ ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผ่านมาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว “ผ่อนน้อยเบาแรง” ได้มากถึง 10,208 ราย คิดเป็นวงเงิน 3,745 ล้านบาท โดยมีมาตรการผ่อนน้อย เบาแรง ชำระครั้งแรก 10% ผ่อนนาน 7 ปี ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ดอกเบี้ย 0% มีสัดส่วนสูงถึง 84% มีผู้ใช้บริการสูงสุด
สำหรับทิศทางการดำเนินงาน บสย. ครึ่งปีหลัง ยกระดับค้ำประกันด้วย Digital Technology สู่การเป็น SMEs Gateway ตามแนวทาง TCG Fast & First รวดเร็ว รอบคอบ ที่หนึ่งในใจ SMEs ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบให้ได้มากที่สุดในช่วงฟื้นประเทศ แผนการทำงาน 3 เร่ง “เร่งค้ำ เร่งพัฒนา เร่งยกระดับ”
1. เร่งผลักดันการค้ำประกันสินเชื่อ โดย บสย. มีวงเงินค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS 10 รองรับราว 25,000 ล้านบาท โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2) มีวงเงินรองรับราว 50,000 ล้านบาท และโครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบัน ระยะที่ 7 มีวงเงินรองรับราว 15,000 ล้านบาท
2. เร่งพัฒนาโครงการพัฒนานวัตกรรม บสย. การให้บริการลูกค้าผ่านช่องทาง Digital Platform และพัฒนา Line @tcgfirst เพื่อการเข้าถึงบริการใหม่ อาทิ การจองคิวปรึกษา “หมอหนี้” ผ่าน Line @tcgfirst ตลอด 24 ชั่วโมง
การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อที่สอดคล้องตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ และเทรนด์ผู้ประกอบการ SMEs ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ในกลุ่ม Start up กลุ่มธุรกิจรักษ์โลก และสิ่งแวดล้อม Green Business กลุ่ม ESG การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โครงการพัฒนากระบวนการจัดการการเก็บหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารหนี้ และโครงการพัฒนาระบบ TCG Data Management Platform เชื่อมโยงฐานข้อมูลทั้งภายในและภายนอก
3. เร่งยกระดับการเข้าถึงบริการให้คำปรึกษา หมอหนี้ บสย. โครงการพัฒนารูปแบบการให้คำปรึกษาทางการเงินศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) และโครงการการให้บริการ Credit Mediator เพื่อให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย