กรุงเทพฯ 15 ก.ค.- “ธนวรรธน์” คาดอาจเห็นชื่อ “พิธา-เศรษฐา-แพทองธาร” ถูกเสนอโหวตนายกรัฐมนตรี รอบ 2 และอาจมีการสลับขั้วเสนอชื่อ “พล.อ.ประวิตร” ชี้สถานการณ์การเมืองยังไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 รอบที่ 2 ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนก.ค. 2566 ว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะถูกเสนอรายชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดการเปิดโหวตในรอบต่อไปได้อีก แต่หากมีการนำเสนอชื่อบุคคลอื่นมาเป็นแคนดิเดตแทน มองว่าหากพิจารณาตามกรอบ 8 พรรคการเมืองที่ตกลงไว้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทย มองว่าก็จะช่วยให้กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีจะใช้เวลาสั้นลง เป็นไปตามครรลองหลักประชาธิปไตย และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็วขึ้นภายในเดือน ส.ค.2566 ส่วนอีกแนวทางก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรืออาจจะมีการหักขั้วเสนอรายชื่ออื่นชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนก็เป็นได้ ทั้งนี้ มองว่าเรื่องนี้เร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าใครจะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแทน
ส่วนการชุมนุมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ยังเป็นไปด้วยความสงบตามสันติวิธี แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในสัปดาห์หน้า ซึ่งขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งหากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในเดือน ส.ค.- ก.ย. 2566 จะเป็นผลดีต่อการจัดทำงบประมาณประจำปี 2567 ทำให้ภาคธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รู้ทิศทางนโยบายในการพัฒนาประเทศ และมั่นใจตัดสินใจลงทุน
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ประเทศจะต้องมีบรรยากาศการเมืองที่มีเสถียรภาพ หากได้รัฐบาลเสียงข้างมากที่มีเสถียรภาพ หรือได้รัฐบาลที่สามารถจัดตั้งได้เร็วภายในกรอบ โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 3.5 โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะโดดเด่น การส่งออกจะคลี่คลายขึ้น นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 25-30 ล้านคน ส่งผลให้ภาวะการจับจ่ายใช้สอยในประเทศดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย