ดีเบต นโยบายเศรษฐกิจแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

กรุงเทพฯ 3 พ.ค.-สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ผนึกมหาลัยหอการค้าไทย จัดเวทีดีเบตโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66พรรคการเมืองเน้นนโยบายสร้างงานสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน ลดคอร์รัปชัน


สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดงานดีเบต “โค้งสุดท้าย เลือกตั้ง 66 ดีเบต…นโยบายเศรษฐกิจ กับ 9 พรรคการเมือง” แบ่งเป็น 3 รอบดีเบต ประกอบด้วยรอบที่ 1 ตอบประเด็นคำถามจากโพล , ดีเบตรอบที่ 2 ตอบประเด็นคำถามจากสังคม และดีเบตรอบที่ 3 สรุปภาพรวมนโยบายพรรคทางด้านเศรษฐกิจและการจัดลำดับความสำคัญในการนำมาใช้หากจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต โดยงานจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต และสื่อโซเชียลมีเดีย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย UTCC

โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็น(Poll) ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 เรื่อง “ความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมือง” จากผู้ทำแบบสอบถาม 2,000 ตัวอย่าง พบว่า การเพิ่มเงินในกระเป๋าที่ประชาชนให้ความสำคัญต่อนโยบาย คือ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เช่น เพิ่มเป็น 450-600 บาทต่อวัน ,การขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 25,000 บาทต่อเดือน และการเพิ่มเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ เช่น 1,000-5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น


นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการลดค่าครองชีพเป็นอะไรที่พรรคการเมืองและรัฐบาลเข้ามาดูแล ทุกกลุ่มตัวอย่างเน้นค่าครองชีพ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำประปา ค่ารถไฟฟ้า และค่าก๊าซหุงต้ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เลือกตั้งเป็นครั้งแรกให้ความสำคัญกับการลดค่าครองชีพมากที่สุด รวมทั้งทุกช่วงวัยจะให้ความสำคัญกับนโยบายตรวจสุขภาพฟรี การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการสร้างรายได้ รวมถึงการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เอสเอ็มอี โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่างเลือกนโยบายของแต่ละพรรคที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ไม่ได้เน้นไปทางพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง

ขณะที่ในเวทีดีเบต นายวรวุฒิ  อุ่นใจ รองหัวหน้า พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเน้นคือโอกาสนิยม ไม่ใช่ประชานิยม เพราะเสี่ยงมากที่นำเงินรัฐมาใช้ในช่วงที่ภาระหนี้ครัวเรือนสูง ภาระหนี้สาธารณะสูง โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายวิธี เช่น การลดการผูกขาดธุรกิจ แก้ปัญหาโครงสร้างประเทศ รื้อโครงสร้างพลังงาน สนับสนุนเอสเอ็มอี แก้ไขเรื่องติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร และไปสู่ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน และให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีสร้างเศรษฐกิจ เช่น ทำแพลตฟอร์มให้ผู้ประกอบการค้าขายออนไลน์สร้างมูลค่าเพิ่ม และภาครัฐต้องสนับสนุนเอกชนด้านนโยบาย ภาษี ประเทศไทยถึงมีอนาคต

“คำจำกัดความของพรรค “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” จะมุ่งเน้นหารายได้ มีนโยบายเศรษฐกิจเฉดสี เพราะหากไม่มีเงินไม่มีรายได้ใหม่ๆเข้ามาประเทศ จะไม่มีสวัสดิการต่างๆให้ประชาชน จึงต้องหารายได้ แต่ต้องปรับรายได้ และให้เข้าถึงเงินทุน รวมทั้งแก้ปัญหาต่างๆ เหมือนกับการแก้ปัญหาพีเอ็ม2.5 ที่มีพันธบัตรป่าไม้ หรือการเปลี่ยนชาวไร่เปลี่ยนเป็นไม้ยืนต้น อยากให้เกษตรกรรายได้ดีขึ้น”นายวรวุฒิ กล่าว


นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับประชาชนที่ขอให้ช่วยค่าครองชีพสูง ค่าไฟฟ้าสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะไทยต้องนำเข้าแก๊สจากต่างประเทศ พึ่งพาสินค้าต่างประเทศมากและต้องช่วยคนเอสเอ็มอีให้เข้าถึงทุนแต่ไม่ใช่สินเชื่อ ต้องทำผ่านกองทุนที่ต้องขึ้นมาไม่ใช่ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงหนี้ ส่วนเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเป็นสิ่งที่ดี จะช่วยได้มากในการลดปัญหาคอร์รัปชัน และไทยควรเข้ากับองค์การเพื่อความร่วมมือแลการพัฒนาทางเศราฐกิจ (OECD) เพราะมีข้อมูลต้องเปิดเผยมากมาย เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น

“สิ่งสำคัญคือระบบการศึกษา จะลดปัญหาเหลื่อมล้ำต่อเนื่อง และเรื่องสาธารณสุข 30 บาทรักษาทุกโรค จะใช้เทคโนโลยีอัปเกรดการรักษาประกันสุขภาพถ้วนหน้า จะไม่แออัดเหมือนเดิม แค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ไปคลินิกเจาะเลือดไม่ต้องไปโรงพยาบาล และไปรับยาร้านขายยา ระหว่างนั้นทำเทเลเมดิซีน ติดต่อแพทย์ผ่านเทคโนโลยีได้เพื่อลดการแออัด”นายศุภวุฒิกล่าว

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ผลโพลออกมาคนต้องการค่าแรงขั้นต่ำและเพิ่มเงินในกระเป๋ามากที่สุด แต่คำถามคือทำได้หรือไม่ ผู้ประกอบการพร้อมหรือไม่ แต่จะให้ขึ้นภาษีในตอนนี้หรือไม่ยังไม่ถึงขนาดนั้น โดยมองเรื่องการสร้างทักษะคน ผลักดันภาคเอกชนไปสู่ระดับโลก กฎระเบียบควรแก้ไข ในเรื่องภาษีไม่ต้องคิดในตอนนี้ แต่ต้องทำอย่างไรให้เอกชนตัวเบาที่สุด เมื่อนั้นเงินในกระเป๋าประชาชนจะเพิ่มขึ้น

“เรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุก จนกระจาย ทุกพรรคเข้าใจดี และกลายเป็นวาทกรรมไปแล้ว ประเทศไทยต้องมององค์รวม นายกฯคนใหม่ต้องเป็นเซลแมน ออกไปค้าขายหารายได้ให้ประเทศ ไทยมีสิ่งดีๆ เยอะ ต้องดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้ได้ ไทยพร้อมในทุกด้าน ไทยต้องปลดล็อก ไทยต้องอัพสกิล รีสกิล ประเทศไทยต้องส่งเสริมเศรษฐกิจเกี่ยวกับดิจิทัล”นายพุทธิพงษ์ กล่าว

นายเกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกข้อที่ประชาชนร้องขอทั้งค่าครองชีพราคาพลังงาน เป็นสิ่งที่พรรคฯทำทุกโจทย์ และในเรื่องการเข้าถึงประกันสุขภาพจะให้ตรวจสุขภาพฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียวตรวจสุขภาพฟรี และเรียนฟรีถึงปริญญาตรี 12 สาขา มีบริการอินเทอร์เน็ตฟรีทุกหมู่บ้าน 1 ล้านจุด สนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวเมืองรอง ให้ทุกพื้นที่จัดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น ข้าว มัน ปาล์ม ยาง รวมถึงไทยต้องลงทุนวิจัยพัฒนา หรือ R&D ปัจจุบันยังน้อยแค่ 1% ของจีดีพี แต่พรรคฯตั้งเป้าใน 4 ปี จะเพิ่มเป็น 3% ต่อจีดีพี โดยรัฐลงเงิน 70% ของงบพัฒนาวิจัยทั้งหมด

“ปัจจัยสำคัญตัวชี้ว่าเลือกใครคือนโยบายของแต่ละพรรคตอบโจทย์หรือไม่ สร้างภาระเพิ่มหรือไม่ โดบพรรคฯมองระยะยาว ไม่ทำอะไรที่หวือหวา การนำเอาเงินงบประมาณซื้อเสียงล่วงหน้า เป็นการสร้างภาระประชาชนรุ่นต่อไปประชาธิปัตย์ไม่ลดแลกแจกแถม การออกแบบนโยบายสอดคล้องกับปัญหาที่แท้จริง ปลดล็อกกฎหมายบางฉบับกระตุ้นเศรษฐกิจมีเป้าหมายชัดเจน เน้นโตด้วยความเก่งไม่ต้องการให้ประชาชนพึ่งพารัฐ ให้เก่งด้วยตนเองและรัฐสนับสนุน”นายเกียรติกล่าว

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้า พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ปัญหาของไทยตอนนี้คือเรื่องหนี้สิน ยิ่งช่วงเศรษฐกิจไม่ดีจากโควิดที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติศาสตร์ ผู้ประกอบการเริ่มไม่ไหว ซึ่งพรรคฯมีนโยบายช่วยให้หลุดจากเครดิตบูโร ช่วยเกิดการจ้างงาน และแก้ปัญหาหนี้นอกระบบด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดทรัพย์เจ้าหนี้นอกระบบ สิ่งสำคัญคือสร้างรายได้ให้เอสเอ็มอีแข็งแรง ผลักดันสินค้าไทยให้เข็มแข็ง และจูงใจให้เอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

“คอร์รัปชันเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้ประเทศเดินไม่ได้ ผู้นำต้องแก้ปัญหา ทุกคนต้องช่วยกันทำ การลดคอร์รัปชันคือเรื่องการใช้เทคโนโลยี อย่างดาต้าวัน เชื่อมข้อมูลเข้ามาหากัน จะทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ และพรรคมีอุดมการณ์ชัดเจนต้องการประชาธิปไตย ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่รัฐประหาร คนในพรรคมีประสบการณ์ การเมือง ธุรกิจ คนรุ่นใหม่ แก้ไขอุปสรรคต่างๆ พรรคฯจะเป็นทางเลือกใหม่ประชาชน”นายสุพันธุ์กล่าว

นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า โจทย์รัฐบาลหน้าที่ต้องทำคือเรื่อง สร้างสภาวะแวดล้อมอย่างไรสนับสนุนคนไทยมีโอกาส มีความหวังหารายได้เพิ่ม และช่วยบรรเทาค่าครองชีพอย่างไร ช่วยต้นทุนผู้ประกอบการตัวเล็ก เอสเอ็มอี รวมถึงรัฐบาลหน้าต้องวางภาพให้ชัด วางรากฐานสู่อนาคตยั่งยืน ครอบคลุม เท่าเทียมในทุกกลุ่ม และต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นจริงและทำทันที เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยโตไม่เต็มศักยภาพ

“เรื่องค่าครองชีพ ต้นทุน ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซ ต้องปรับโครงสร้างนโยบายประเทศใหม่ ตอนนี้มีกลุ่มรื้อทั้ง ระบบต้องได้รับการแก้ไข ต้องทบทวนโครงสร้างภาษี และหนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องแก้หนี้เบ็ดเสร็จ และเติมทุนใหม่ รวมทั้งเรื่องรัฐสวัสดิการ คนไทยต้องได้รับความคุ้มครองทางสังคมอย่างทั่วถึง ลงทุนให้ถูกจุดทุกกลุ่มวัย เติมทุน พัฒนาทักษะ”นายอุตตม กล่าว

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองหัวหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ที่ทุกพรรคออกไป รวมแล้วน่าจะ 3 ล้านล้านบาท แต่พรรคไม่เน้นนโยบายประชานิยม แต่เน้นการสร้างรายได้เศรษฐกิจฐานราก เห็นได้จากช่วงโควิดธุรกิจรายเล็กฐานรากเอาเงินออมมาใช้ และรายได้ลดลง แถมมีปัญหาชำระหนี้ ซึ่งการแก้ปัญหาไม่ใช่แจกเงิน แต่ต้องสร้างงานสร้างอาชีพ มีรายได้ที่ยั่งยืน มีความสามารถชำระหนี้ได้ การเพิ่มอาชีพให้คนอาจร่วมมหาวิทยาลัยต่างๆ ฝึกอบรม ให้งบประมาณดูแลคนสูงวัย จ้างซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า ซ่อมคอมพิวเตอร์ ค้าขายออนไลน์ คำนวณงบประมาณที่ใช้หาก 20 ล้านคนใช้เงินแค่ 20,000 ล้านบาท

ขณะที่เรื่องเร่งด่วน จะทำอย่าไงไรให้จีดีพีเพิ่มขึ้น โดยต้องใช้เทคโนโลยีหารายได้จากต่างประเทศ เช่นการทำแพลตฟอร์ม เหมือนกับแพลตฟอร์มของต่างประเทศที่เข้ามาหารายได้ในไทย และไทยต้องเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ที่สำคัญต้องมีหลัก Wow Thailand มาจาก เวลธ์ที่ดี สร้างโอกาสคนไทย และสร้างสวัสดิการให้ทุกคน นโยบายเน้นการดูแลเศรษฐกิจฐานรากผู้ด้วยโอกาส ไม่ใช่ลดแลกแจกแถม พยายามให้สร้างานสร้างอาชีพ ให้ผู้ด้อยโอกาส ให้เงินอุดหนุน ผู้พิการ คนสูงวัย อยากสร้างประเทศไทยที่ยั่งยืนเพื่อลูกหลานไทย ต้องการทำประเทศให้กรีน มีธรรมาภิบาล ไม่มีทุจริตคอรัปชั่น “เรารับฟัง ทำจริง”นายชาติชายกล่าว

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้า พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สรุปผลโพลเรื่องเร่งด่วนคือเรื่องรายได้ ลดค่าใช้จ่าย และเรื่องความมั่นคง พรรคก้าวไกลเห็นไม่ต่างกับประชาชน ได้มีนโยบายเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ หัวใจคือ ขึ้นอัตโนมัติทุกปี และยังมีแก้ปัญหาโครงสร้างพลังงาน รวมถึงนโยบายสวัสดิการตั้งแต่วันแรกที่ลืมตา จนวันสุดท้ายของชีวิต ขณะเดียวกันต้องปรับปรุงงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ลดโครงการไม่จำเป็นฟุ่มเฟือย จัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส ปรับปรุงจัดเก็บภาษีจากปัจจุบันมีรูรั่วมาก ไม่สามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย และให้เศรษฐีคนมีเงินยอมจ่ายภาษี จากที่บริจาคการกุศลมามาก เช่น ภาษีที่ดินรวมแปลง ภาษีมั่งคั่ง ซึ่งจะนำไปใช้สวัสดิการได้อย่างคุ้มค่า

“หลายครั้งมีโครงการดีแต่ประชาชนข้องใจเกิดทุจริตหรือไม่ ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเรื่องแรกต้องเปิดเผยข้อมูลกับประชาชน และอาจมีแรงจูงใจถ้ามีการฮั้วะแล้วมีคนใดคนหนึ่ง  ก่อน จะได้รับการลดหย่อนโทษ หากสารภาพจะให้พ้นผิดได้ จะทำให้การจ่ายส่วยหมดไป และยังทำให้เงินงบประมาณถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างคุ้มค่า ไม่ใช่แค่เพียงเลือกคนที่ดี แต่ต้องมีระบบที่ดีด้วย”น.ส.ศิริกัญญากล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]