รัฐบาลปลื้ม 5 สินค้าไทยครองส่วนแบ่งส่งออกตลาดโลก

ทำเนียบฯ 3 พ.ค.- รัฐบาลปลื้ม 5 สินค้าไทยครองส่วนแบ่งส่งออกอันดับ 1 ตลาดโลกในปี 65 ทุเรียนพระเอกส่วนแบ่งถึงร้อยละ 93 สะท้อนคุณภาพสินค้าไทย เดินหน้าส่งเสริมเชิงรุก 


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพอใจ 5 สินค้าไทย ติดอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งการส่งออกในตลาดโลก ประจำปี 2565 พบว่า ทุเรียน  มันสำปะหลัง ถุงยางอนามัย สับปะรดกระป๋อง และปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่าการส่งออกและส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียน มูลค่าการส่งออกทุเรียนสด 3,219 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลกถึงร้อยละ 93.3 สะท้อนศักยภาพสินค้าไทย พร้อมส่งเสริมและขยายตลาดใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มเติม

ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยรายงานการวิเคราะห์ 5 สินค้าไทยมีส่วนแบ่งการส่งออกในตลาดโลกเป็นอันดับที่ 1 ในปี 2565 จาก Global Demand Dashboard ผ่านเว็บไซต์คิดค้า.com (http://คิดค้า.com) ซึ่งได้แก่ ทุเรียนสด มีมูลค่าการส่งออก 3,219 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลกร้อยละ 93.3 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ตามลำดับ มันสำปะหลัง มีมูลค่าการส่งออก 1,523 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก ร้อยละ 46.5 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย คือ จีน คิดเป็นร้อยละ 98.6 ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมด ถุงยางอนามัย มีมูลค่าการส่งออก 272.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก ร้อยละ 44.0 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน สหรัฐ และเวียดนาม ตามลำดับ สับปะรดกระป๋อง มีมูลค่าการส่งออก 469.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก ร้อยละ 36.4  โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐ รัสเซีย และเยอรมนี ตามลำดับ ปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่าการส่งออก 2,284.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนแบ่งในตลาดโลก ร้อยละ  24.8 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ตามลำดับ 


นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ในปี 2565 ไทยได้ส่งออกทุเรียน แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ทุเรียนสด มีมูลค่าการส่งออกถึง 110,144 ล้านบาท 2. ทุเรียนแช่แข็ง มีมูลค่าการส่งออกถึง 14,943 ล้านบาท โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม เช่น สายพันธุ์หมอนทอง สายพันธุ์ก้านยาว สายพันธุ์หลงลับแล

“นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมส่งเสริมและผลักดันสินค้าไทยให้แข่งขันในตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเชื่อมั่นว่า สินค้าไทยในประเภทอื่น ๆ ยังมีศักยภาพขยายตลาดใหม่ได้อีกมาก ผ่านนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการกระจายสินค้า และการขายสินค้าทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ตลอดจนการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำเสนอสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเติม” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

Building after collapses in Myanmar in front of monk's eye

แผ่นดินไหวทำตึกเมียนมาถล่ม-ยอดตายเกินพันแล้ว

มัณฑะเลย์ 29 มี.ค.- แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อวานนี้ ทำให้อาคารหลังหนึ่งถล่มต่อหน้าต่อตากลุ่มพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาจนถึงขณะนี้เกิน 1,000 คนแล้ว คลิปภาพที่ผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกไว้ได้ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมา และอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวบนบกที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ เห็นกลุ่มพระสงฆ์รวมตัวกันอยู่บนถนนใกล้อาคารหลังหนึ่งที่ค่อย ๆ เสียการทรงตัว ก่อนพังถล่มลงไปทั้งหลังต่อหน้าต่อตา ทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ฟุ้งกระจาย รอยเตอร์รายงานเมื่อเวลา 13:00 น.วันนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลเมียนมาแถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเพิ่มเป็น 1,002 คนแล้ว ขณะที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐหรือยูเอสจีเอส ซึ่งแจ้งขนาดแผ่นดินไหวไว้ที่ 7.7 และมีศูนย์กลางลึกเพียง 10 กิโลเมตรประเมินจากแบบจำลองการคาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจะเกิน 10,000 คน.-814.-สำนักข่าวไทย  

สาเหตุตึกถล่ม

นายกฯ เร่งกรมโยธาดูสาเหตุตึกถล่ม-หาทางแก้

นายกฯ รับรายงายสถานการณ์แผ่นดินไหว เร่งกรมโยธาดูสาเหตุ-หาทางแก้ตึกถล่ม ย้ำ ปชช. มั่นใจได้ เหตุแผ่นดินไหวตอนนี้ไม่กระทบไทยแล้ว เตรียมออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

กรมอุตุฯ เตือนเฝ้า​ระวัง​พายุฤดูร้อน กระทบ​ 53 จังหวัด​

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 7 เตือนเฝ้า​ระวัง​พายุฤดูร้อน​ พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก มีผลกระทบ​ 53 จังหวัด​ ระหว่าง​ 29​ มี.ค.-1 เม.ย.68​