“พาณิชย์” หนุนไทยขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโลก

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – “จตุพร” เปิดเวทีสัมมนามันสำปะหลังโลก 2568 ดึง 16 ประเทศซื้อผลผลิตไทยกว่า 10,900 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งออก 7.5 ล้านตัน หนุนเกษตรกรและผู้ผลิตไทยปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกติกาการค้าใหม่ของโลกที่เน้นความยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโลก


นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ปี 2568 (World Tapioca Conference 2025 : WTC 2025) ครั้งที่ 7 จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “Thailand Tapioca Next : Go Global Go Together” ตอกย้ำความร่วมมือของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยเพื่อก้าวสู่ตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง โดยมีนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วม

งานครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า หน่วยงานรัฐ เอกชน เกษตรกร และสื่อมวลชน โดยมีผู้แทนจาก 16 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ จีน เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น ตุรกี สปป.ลาว เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฮ่องกง เข้าร่วมงาน ซึ่งคาดว่าการเจรจาภายในงานสามารถสร้างมูลค่าทางการค้ารวมกว่า 10,900 ล้านบาท


นายจตุพร กล่าวว่า อุตสาหกรรมมันสำปะหลังเป็นหนึ่งในเสาหลักเศรษฐกิจไทย มีเกษตรกรกว่า 740,000 ครัวเรือนอยู่ในห่วงโซ่นี้ แม้ปัจจุบันต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งด้านราคาที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยรัฐบาลพร้อมแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่

ในปีนี้ไทยส่งออกมันสำปะหลังมากกว่าปีก่อนหน้า แต่ราคากลับต่ำกว่าเดิม ภาครัฐจึงต้องเข้ามาช่วยทั้งด้านการตลาด และการพัฒนากระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ ผู้ประกอบการไทยแข็งแรง และอุตสาหกรรมไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก

นอกจากนี้ ในงานยังมีพิธีลงนามสัญญาซื้อขายและบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปริมาณรวมกว่า 1.48 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,900 ล้านบาท สามารถดูดซับหัวมันสดในประเทศได้มากถึง 3.57 ล้านตัน พร้อมเปิดการเจรจาเพื่อขยายตลาดใหม่ โดยตั้งเป้าส่งออกมันสำปะหลังในปี 2568 ให้ได้ 7.5 ล้านตัน


นายจตุพร ยังเผยถึงแผนผลักดันโครงการ “Sandbox” ดูแลและพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกกว่า 10 ล้านไร่ ซึ่งมักเผชิญภาวะแห้งแล้งหรือน้ำท่วม ให้กลายเป็นพื้นที่ที่สร้างโอกาสใหม่ โดยการเพาะปลูกพืชที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมดังกล่าว โดยใช้กลยุทธ์ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพทางการเกษตร

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายร่วมผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมการเกษตรมูลค่าสูงโดยไม่ทอดทิ้งใคร พร้อมย้ำเจตนารมย์ “Go Global Go Together” เพื่อสร้างอนาคตให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าร่วมกันอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันไทยยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดโลก มิใช่ต่างคนต่างเดินแต่จะผสานความร่วมมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยสู่ความยั่งยืน

ในปี 2567 ไทยส่งออกมันสำปะหลังได้รวม 6.47 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 110,255 ล้านบาท ขณะที่ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – มิถุนายน) ไทยส่งออกได้ปริมาณ 5.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 3.60 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่มูลค่าการส่งออกกลับลดลงเหลือ 54,640.82 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.10 จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 61,466.63 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากราคามันสำปะหลังในตลาดโลกลดลงมาตั้งแต่ต้นปี 2568 อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนแผนส่งเสริมการตลาดเชิงรุกในหลายประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อผลักดันยอดส่งออกไทยปีนี้ให้บรรลุเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน และรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรรมมันสำปะหลังโลก

นายจตุพร ยังกล่าวถึงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ โดยระบุว่า กำลังจัดทำร่างข้อเสนอสุดท้ายเพื่อส่งไปให้ USTR พิจารณา แม้ว่า จะเหลือเวลา 2 วันถึงกำหนดประกาศใช้อัตราภาษีใหม่ คาดว่า จะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรจากสินค้าไทยเท่าไร จากที่ประกาศไว้ร้อยละ 36 แต่ประเมินว่า จะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์เตรียมพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานที่มีประสิทธิภาพ และนำข้อร้องขอความช่วยเหลือและสนับสนุนของภาคเอกชนและเกษตรกรไปหารือในระดับนโยบายต่อไป. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ตะวันออกฝ-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก

กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง […]

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]