“พาณิชย์” หนุนไทยขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโลก

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – “จตุพร” เปิดเวทีสัมมนามันสำปะหลังโลก 2568 ดึง 16 ประเทศซื้อผลผลิตไทยกว่า 10,900 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งออก 7.5 ล้านตัน หนุนเกษตรกรและผู้ผลิตไทยปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกติกาการค้าใหม่ของโลกที่เน้นความยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโลก


นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ปี 2568 (World Tapioca Conference 2025 : WTC 2025) ครั้งที่ 7 จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “Thailand Tapioca Next : Go Global Go Together” ตอกย้ำความร่วมมือของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยเพื่อก้าวสู่ตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง โดยมีนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วม

งานครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า หน่วยงานรัฐ เอกชน เกษตรกร และสื่อมวลชน โดยมีผู้แทนจาก 16 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ จีน เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น ตุรกี สปป.ลาว เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฮ่องกง เข้าร่วมงาน ซึ่งคาดว่าการเจรจาภายในงานสามารถสร้างมูลค่าทางการค้ารวมกว่า 10,900 ล้านบาท


นายจตุพร กล่าวว่า อุตสาหกรรมมันสำปะหลังเป็นหนึ่งในเสาหลักเศรษฐกิจไทย มีเกษตรกรกว่า 740,000 ครัวเรือนอยู่ในห่วงโซ่นี้ แม้ปัจจุบันต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งด้านราคาที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยรัฐบาลพร้อมแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่

ในปีนี้ไทยส่งออกมันสำปะหลังมากกว่าปีก่อนหน้า แต่ราคากลับต่ำกว่าเดิม ภาครัฐจึงต้องเข้ามาช่วยทั้งด้านการตลาด และการพัฒนากระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ ผู้ประกอบการไทยแข็งแรง และอุตสาหกรรมไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก

นอกจากนี้ ในงานยังมีพิธีลงนามสัญญาซื้อขายและบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปริมาณรวมกว่า 1.48 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,900 ล้านบาท สามารถดูดซับหัวมันสดในประเทศได้มากถึง 3.57 ล้านตัน พร้อมเปิดการเจรจาเพื่อขยายตลาดใหม่ โดยตั้งเป้าส่งออกมันสำปะหลังในปี 2568 ให้ได้ 7.5 ล้านตัน


นายจตุพร ยังเผยถึงแผนผลักดันโครงการ “Sandbox” ดูแลและพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกกว่า 10 ล้านไร่ ซึ่งมักเผชิญภาวะแห้งแล้งหรือน้ำท่วม ให้กลายเป็นพื้นที่ที่สร้างโอกาสใหม่ โดยการเพาะปลูกพืชที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมดังกล่าว โดยใช้กลยุทธ์ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพทางการเกษตร

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายร่วมผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมการเกษตรมูลค่าสูงโดยไม่ทอดทิ้งใคร พร้อมย้ำเจตนารมย์ “Go Global Go Together” เพื่อสร้างอนาคตให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าร่วมกันอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันไทยยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดโลก มิใช่ต่างคนต่างเดินแต่จะผสานความร่วมมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยสู่ความยั่งยืน

ในปี 2567 ไทยส่งออกมันสำปะหลังได้รวม 6.47 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 110,255 ล้านบาท ขณะที่ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – มิถุนายน) ไทยส่งออกได้ปริมาณ 5.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 3.60 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่มูลค่าการส่งออกกลับลดลงเหลือ 54,640.82 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.10 จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 61,466.63 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากราคามันสำปะหลังในตลาดโลกลดลงมาตั้งแต่ต้นปี 2568 อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนแผนส่งเสริมการตลาดเชิงรุกในหลายประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อผลักดันยอดส่งออกไทยปีนี้ให้บรรลุเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน และรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรรมมันสำปะหลังโลก

นายจตุพร ยังกล่าวถึงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ โดยระบุว่า กำลังจัดทำร่างข้อเสนอสุดท้ายเพื่อส่งไปให้ USTR พิจารณา แม้ว่า จะเหลือเวลา 2 วันถึงกำหนดประกาศใช้อัตราภาษีใหม่ คาดว่า จะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรจากสินค้าไทยเท่าไร จากที่ประกาศไว้ร้อยละ 36 แต่ประเมินว่า จะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์เตรียมพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานที่มีประสิทธิภาพ และนำข้อร้องขอความช่วยเหลือและสนับสนุนของภาคเอกชนและเกษตรกรไปหารือในระดับนโยบายต่อไป. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]