กรุงเทพฯ 10 เม.ย.-GPSC ประกาศชัยชนะของ Avaada Energy ในโอกาสคว้าโครงการโซลาร์ กำลังการผลิต 421 เมกะวัตต์ ส่งผลกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ด้านบีซีพีจีเผยพลังงานลม “มอนซูน” ใน สปป. ลาว ลงนามก็เงินเอดีบีแล้ว
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า บริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด(Avaada Energy Private Limited) บริษัทในกลุ่มอวาด้า (Avaada Group) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำในประเทศอินเดีย โดย GPSC ถือหุ้นในสัดส่วน 42.93% ผ่านบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด หนึ่งในบริษัทในกลุ่ม GPSC ประสบความสำเร็จในการชนะการประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีระบบการเชื่อมต่อ กับ ISTS ขนาด 421 เมกะวัตต์ (DC) ของ REC Power Development and Consultancy’s (RECPDCL) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ดำเนินเปิดประมูลแทน Damodar Valley Corporation (DVC) หน่วยงานของรัฐบาลกลางอินเดีย นับเป็นโครงการขนาดใหญ่อีกหนึ่งโครงการที่รัฐบาลกลางอินเดียให้ความสำคัญ เพื่อจะผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นภายในประเทศ
การชนะประมูลครั้งนี้ ผ่านการคัดเลือกจากการเสนอราคาในรูปแบบ e-Reverse auction ซึ่งอวาด้าเสนอราคาที่ 2.70 รูปีอินเดีย/กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือ (~USD 0.03) ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือPPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี โดยแผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี นับเป็นการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนและเป็นไปตามเป้าหมายของ GPSC ในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯ ให้มากกว่า 50% ภายในปี 2573
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในฐานะที่บีซีพีจีเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมของบริษัท มอนซูน วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “มอนซูน” ขนาด 600 เมกะวัตต์ ที่แขวงเซกอง และแขวงอัตตะปือ ใน สปป. ลาว ว่า ขณะนี้โครงการฯ ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี และกลุ่มธนาคารที่ให้การสนับสนุนผ่านเอดีบีเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้สัญญาสัมปทาน (Concession Agreement) ในการใช้พื้นที่ดำเนินโครงการฯ ที่ได้ลงนามกับรัฐบาล สปป.ลาว และสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) ของโครงการฯ ที่ได้ลงนามกับการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (EVN) ได้มีผลบังคับใช้สมบูรณ์แล้ว โดยโครงการฯ พร้อมรับเงินกู้งวดแรกตามสัญญาเงินกู้ และกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผนงานที่กำหนด ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าให้กับ EVN ได้ในปี 2568 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 25 ปี กับการไฟฟ้าเวียดนามอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย