คมนาคมย้ำรถไฟฟ้าสายสีส้มดำเนินการตาม กม.เคร่งครัด

กรุงเทพฯ 26 ก.พ. – กระทรวงคมนาคม โต้ “ชูวิทย์” อีกดอก! ให้เข้าใจแนวทางการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยืนยันดำเนินการตามกฎหมายเคร่งครัด บริหารงบประมาณจากเงินภาษีประชาชนคุ้มค่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงคมนาคมได้ออกเอกสารชี้แจง กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตก เพื่อการบริหารงบประมาณจากเงินภาษีอากรอย่างคุ้มค่า โดยหนังสือดังกล่าว ในข้อที่ 6 ได้พาดพิงถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่าไม่ใช้อำนาจตามความในมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 เพื่อยับยั้งการกระทำที่เกี่ยวกับการให้เอกชนร่วมลงทุน นั้น กระทรวงคมนาคม ขอชี้แจง ระบุว่าเพื่อให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในประเด็นเหล่านี้ ประกอบด้วย

  1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตก ซึ่งเป็นโครงการที่นายชูวิทย์ พาดพิงถึงกระทรวงคมนาคมนั้น เป็นโครงการของการรถไฟฟ้ามวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ให้เอกชนร่วมลงทุน ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ)

ส่วนอำนาจในการกำกับควบคุมของกระทรวงคมนาคม ตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ที่นายชูวิทย์ อ้างถึงนั้น เป็นอำนาจในการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นการกำกับโดยทั่วไปของ รฟม. โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า การที่กระทรวงคมนาคมจะยับยั้งการกระทำของ รฟม.ได้ จะต้องเป็นการกระทำที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรีเท่านั้น


  1. ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น รฟม. ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ ที่ว่าด้วยกระบวนการและขั้นตอนในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ทั้งนี้ สถานะปัจจุบันของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกเอกชน ตามมาตรา 36-39 ซึ่งกำหนดให้ รฟม. แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมาคณะหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนของ รฟม. ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ในการดำเนินกระบวนการคัดเลือกเอกชนไว้เป็นลำดับ

โดยที่กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ระบุให้กระทรวงคมนาคมมีหน้าที่ หรือมีอำนาจในการกำกับดูแลขั้นตอนและกระบวนการคัดเลือกเอกชนไว้ จึงถือว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยแท้ที่จะเป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกเอกชนจนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการ ตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกแล้วเสร็จ ในมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ กำหนดให้ รฟม. จัดส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนอีกครั้ง จึงจะสามารถเสนอผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42

  1. ด้วยเหตุดังกล่าว จากขั้นตอนทุกขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ กระทรวงคมนาคมจะมีหน้าที่และอำนาจเข้าไปพิจารณาได้เฉพาะในขั้นตอนพิจารณาผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนตามมาตรา 42 เท่านั้น โดยกระทรวงคมนาคมไม่สามารถดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนในขั้นตอนก่อนหน้านี้ได้เลย ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงและกระบวนการของกฎหมายที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ ปรากฏว่า สถานการณ์ดำเนินการคัดเลือกเอกชนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ความเข้าใจของนายชูวิทย์ ในประเด็นที่เกี่ยวกับอำนาจของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการคัดเลือกของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง และหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง

กระทรวงคมนาคม ขอย้ำอีกครั้งว่า กระบวนการคัดเลือกเอกชน ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นกระบวนการที่มีกฎหมายกำหนดกรอบอำนาจ สิทธิ หน้าที่ และขั้นตอนของผู้เกี่ยวข้องไว้โดยเฉพาะ ส่วนอำนาจในการกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 นั้น กระทรวงคมนาคม มีเพียงอำนาจในการกำกับดูแลกิจการของ รฟม. ในกิจการทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถก้าวล่วงเข้าไปแทรกแซงกระบวนการที่มีการกำหนดไว้ในกฎหมายเฉพาะได้ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงขอยืนยันว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กระทรวงคมนาคมปฏิบัติตามกรอบหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายไว้อย่างครบถ้วนแล้ว โดยในขั้นตอนใดที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจกระทรวงคมนาคมไว้ กระทรวงคมนาคมก็ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการใช้เงินภาษีอากรของประชาชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด

ขณะที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ก็ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีการกล่าวอ้างว่า ส่อว่ามีการทุจริตและเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) นั้น โดย BEM ได้ชี้แจงว่า BEM เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจโดยสุจริต โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และในการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ชนะการคัดเลือกและอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562


บริษัทฯ ยืนยันว่า บริษัทไม่ได้กระทำการใดๆ ที่เป็นการทุจริต หรือทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่บริษัท ตามที่มีการให้ข่าวพาดพิงถึงบริษัทแต่อย่างใด และบริษัทจะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่ทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทจากการให้ข่าวในลักษณะดังกล่าวต่อไป

บริษัทเชื่อมั่นว่า ข้อเสนอที่บริษัทเสนอให้แก่ รฟม. จนเป็นผู้ชนะการคัดเลือก เป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน รัฐ และประเทศชาติโดยรวม สามารถดำเนินการให้ประสบผลสำเร็จได้จริง ทั้งในด้านการก่อสร้างงานโยธา การให้บริการเดินรถ และการให้ผลตอบแทนแก่รัฐ ทั้งนี้ หากบริษัทได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บริษัทสามารถเริ่มงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ได้ทันที และจะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแก่ประชาชนให้ได้โดยเร็วตามแผนงานของรัฐบาล. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS

“แพทองธาร” นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS ขับเคลื่อนความร่วมมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ