กรุงเทพฯ 16 ก.พ. – “วงษ์สยามก่อสร้าง”ร้องนายกฯเร่งรัด ”อีสต์วอเตอร์” ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี หลังเซ็นสัญญามานานกว่า 60วัน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้เร่งรัดการส่งมอบทรัพย์สินโครงการดังกล่าว หลังได้เซ็นสัญญากับกรมธนารักษ์ตั้งแต่วันที่ 30กันยายน 2565 เนื่องจากระยะเวลาผ่านมานานกว่า 60วันแล้ว
หนังสือร้องเรียนฉบับวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2566 ได้แนบหลักฐานของกรมธนารักษ์ที่ส่งไปถึง บริษัทอีสต์วอเตอร์ ผู้เช่ารายเดิมให้ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่2)คืนให้แก่กรมธนารักษ์ภายใน 60วัน แต่จนถึงขณะนี้ กรมธนารักษ์ยังไม่ได้รับมอบทรัพย์สินจากบริษัทอีสต์วอเตอร์ จึงเป็นเหตุให้กรมธนารักษ์ไม่สามารถส่งมอบทรัพย์สินทั้งสองโครงการให้กับบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง
บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง แจ้งว่าภาครัฐได้รับความเสียหายจากเหตุกรมธนารักษ์ไม่สามารถหาข้อยุติในการเจรจากับอีสต์วอเตอร์และส่งมอบทรัพย์สินให้บริษัทวงษ์สยามฯล่าช้า
ประเด็นแรก หากกรมธนารักษ์ส่งมอบทรัพย์และระบบท่อส่งน้ำให้บริษัทวงษ์สยามฯได้ รัฐจะได้รับค่าแรกเข้าจำนวน 870ล้านบาท จากบริษัท วงษ์สยามฯ และได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอัตราร้อยละ 27ต่อปีจากการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก
ประเด็นที่ 2 ช่วงเวลา 30 ปี ที่ผ่านมา บริษัทอีสต์วอเตอร์ฯ จ่ายผลประโยชน์ในการแบ่งรายได้ให้กับกรมธนารักษ์เฉลี่ยปีละ 19.6ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภาครัฐคืน ได้แก่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เฉลี่ยปีละ 333ล้านบาท
เมื่อรวมผลประโยชน์ที่บริษัทอีสต์วอเตอร์จ่ายเงินปันผลแก่ กปภ.และกนอ. กับจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับกรมธนารักษ์แล้ว คิดเป็นเงินเฉลี่ยปีละ353ล้านบาท ในขณะที่บริษัทวงษ์สยามฯ ผู้ชนะการประมูลรายใหม่ เสนอผลตอบแทนในระยะเวลา 30 ปี เป็นเงิน 25,693ล้านบาท หรือเฉลี่ย ปีละ 856ล้านบาท นับว่าบริษัทวงษ์สยามฯให้ผลประโยชน์ต่อรัฐมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
ในประเด็นที่ 3 ระหว่างคณะของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ รวมถึงผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ไปตรวจสอบพื้นที่โครงการท่อส่งน้ำฯ พบ ท่อส่งน้ำของบริษัทอีสต์วอเตอร์เชื่อมต่อกับท่อน้ำของกรมธนารักษ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และจะต้องตรวจสอบว่า บริษัทอีสต์วอเตอร์จ่ายผลประโยชน์ให้แก่กรมธนารักษ์ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่เพียงใด หากบริษัทอีสต์วอเตอร์ ยังคงครอบครองใช้ประโยชน์ท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่2) ย่อมส่งผลให้กรมธนารักษ์เสียประโยชน์
ประเด็นสุดท้าย บริษัทวงษ์สยามฯเซ็นสัญญามานานกว่า 60วันแต่ยังไม่ได้รับการส่งมอบพื้นที่จากกรมธนารักษ์ จึงได้รับความเสียหายในหลายประการ คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,023ล้านบาท ประกอบด้วย การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อทำสัญญา ค่าแรกเข้า จำนวน 580ล้านบาท ค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายปี จำนวน 44ล้านบาทเศษ ค่าหลักประกันสัญญา 118 ล้านบาทเศษ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 743ล้านบาทเศษ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามเงื่อนไขของสัญญาเป็นเงิน 280 ล้านบาท
ดังนั้นการส่งมอบทรัพย์สินล่าช้าอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทวงษ์สยามฯจนไม่อาจจะเยียวยาในภายหลังได้ จึงขอความอนุเคราะห์จากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล โปรดพิจารณาสั่งการเร่งรัดให้กรมธนารักษ์ติดตามทวงถามให้บริษัทอีสต์วอเตอร์ ส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่กรมธนารักษ์เพื่อกรมธนารักษ์ส่งมอบทรัพย์สินให้กับบริษัทวงษ์สยามฯ จัดการบริหารโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่2) ให้แก่ประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานภาครัฐ.-สำนักข่าวไทย