มอเตอร์เวย์สาย 6 พร้อมเปิดเส้นทางเลี่ยงเมือง 80 กม.ปลายปี 66

กรุงเทพ 11 ก.พ.- กรมทางหลวง มั่นใจเร่งรัดงานก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ยืนยันเปิดให้ประชาชนใช้งานฟรี ช่วงปากช่อง-ทางเลี่ยงเมืองโคราช ระยะทาง 80 กิโลเมตร ปลายปี 2566


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการผยแพร่ข่าวว่าการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช ว่ามีความล่าช้ากว่ากำหนดเดิมมาก และจะก่อสร้างต่อให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนั้น
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน จึงขอชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการก่อสร้างภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่ม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องสรุปดังนี้

โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สาย บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ระยะทาง 196 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดนครราชสีมาประตูสู่ภาคอีสาน ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น บรรเทาความแออัดหนาแน่นของถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพในปัจจุบัน


ในปี 2559 คณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินก่อสร้างงานโยธามอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช รวมทั้งสิ้น 69,970 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 40 สัญญา กรมทางหลวง ได้ทำการออกประกวดราคาทั้ง 40 สัญญา ในช่วงปี 2559-2560 วงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญารวม 59,410 ล้านบาท ต่ำกว่ากรอบวงเงินที่ ครม. อนุมัติ 10,560 ล้านบาท

งานส่วนใหญ่เริ่มลงมือก่อสร้างในปี 2560 ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 24 สัญญา และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 16 สัญญา ซึ่งมีปัญหาอุปสรรคที่จำเป็นต้องแก้ไขแบบก่อสร้าง ทำให้ค่างานเพิ่มขึ้นมากกว่าวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญา โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เร่งรัด กำชับติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดใช้งานมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ตลอดเส้นทางโดยเร็ว โดยเน้นย้ำถึงคุณภาพของงานให้ได้ตามมาตรฐาน ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมภิบาลอย่างเคร่งครัด

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นต้องมีการปรับแก้แบบและเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งโครงการนี้ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2551 แล้วมาก่อสร้างในปี 2560 สภาพพื้นที่จริงได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ต้องแก้ไขปรับปรุงรูปแบบทางวิศวกรรมให้สอดคล้องกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ในปัจจุบัน และต้องปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับโครงสร้างสาธารณูปโภค ข้อกำหนด หรือความจำเป็นของหน่วยงานที่โครงการตัดผ่าน รวมทั้งต้องทำการปรับรูปแบบการก่อสร้าง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ และให้สอดคล้องกับโครงข่ายถนนที่ประชาชนใช้ทางอยู่ในปัจจุบัน


เมื่อต้องมีการปรับรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคดังกล่าว ทำให้เกิดมีค่างานเพิ่มขึ้นมากเกินสัญญาก่อสร้าง ดังนั้นตั้งแต่ปี 2563 กรมทางหลวง จึงได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ รัดกุม เพราะเป็นประเด็นที่ซับซ้อน และเกิดขึ้นตั้งแต่การเริ่มก่อสร้างในปี 2560 จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ทั้งด้านวิศวกรรมงานทาง และโครงสร้างขนาดใหญ่ เพื่อยืนยันความถูกต้อง เหมาะสม ความแข็งแรง ของรูปแบบที่มีการแก้ไข และต้องประหยัดคุ้มค่า โดยมีหน่วยงานภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม อาทิ อาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำ สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่หน้างานจริงทุกสัญญาที่มีประเด็นปัญหา ชุดที่ 2 ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านระเบียบกฎหมาย รวมทั้งการบริหารสัญญา เพื่อให้การดำเนินการต่อ มีความถูกต้อง เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยมีหน่วยงานภายนอกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้ อาทิ อัยการสูงสุด กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง นอกจากนี้กรมทางหลวง ยังได้ทำหนังสือหารือกรมบัญชีกลางอีก 2 ครั้ง เพื่อสอบถาม และขอแนวทางในการดำเนินการตามระเบียบว่าการพัสดุ กรณีที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา เพื่อประโยชน์ทางราชการเป็นที่สุด

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ ในส่วนของค่าก่อสร้างงานโยธาที่ยังไม่ได้ดำเนินการ จำนวน 12 สัญญา วงเงิน 4,970.710 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายในกรอบวงเงินทั้งโครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมที่ได้อนุมัติไว้ เมื่อปี 2559

สำหรับขั้นตอนกระบวนการหลังจากนี้ กรมทางหลวงจะต้องทำการแก้ไขสัญญา ตามวงเงินที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ตั้งแต่การแก้ไขแบบก่อสร้าง การตกลงราคาและเวลาทำการ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ซึ่งกรมทางหลวงจะดำเนินการทุกขั้นตอน อย่างรอบคอบ รัดกุม ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงทำการลงนามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมกับผู้รับจ้าง และเดินหน้าก่อสร้างทันทีในเดือนมีนาคม 2566 โดยคำนึงถึงคุณภาพของงาน การก่อสร้างที่ถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน และหลักการทางวิศวกรรม และมีความปลอดภัยสูงสุดในระหว่างการก่อสร้างเป็นสำคัญ

สำหรับงานทั้ง 12 สัญญา ที่ต้องเดินหน้าต่อ กรมทางหลวงได้พิจารณาวางแผนเร่งรัดการก่อสร้างให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยขอความร่วมมือผู้รับจ้างให้เพิ่มชุดเครื่องจักร คน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มากขึ้น แต่เนื่องจากงานที่เหลือหลายสัญญา เป็นงานก่อสร้างสะพาน และงานโครงสร้างขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณงานมากมีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างนาน เช่น สัญญาที่ 21 สัญญาที่ 22 ในช่วงสระบุรี-ปากช่อง ต้องใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 2 ปี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ให้เสร็จภายในเวลา 6 เดือน ตามที่เป็นข่าว

สรุประยะเวลาการก่อสร้างส่วนที่เหลือ ของแต่ละสัญญา ทั้ง 12 สัญญา ตามแผนงานที่เร่งรัดอย่างเต็มที่ ดังนี้

  • สัญญาที่ 1 ใช้เวลา 22 เดือน
  • สัญญาที่ 2 ใช้เวลา 12 เดือน
  • สัญญาที่ 4 ใช้เวลา 22 เดือน
  • สัญญาที่ 5 ใช้เวลา 9 เดือน
  • สัญญาที่ 18 ใช้เวลา 13 เดือน
  • สัญญาที่ 19 ใช้เวลา 12 เดือน
  • สัญญาที่ 20 ใช้เวลา 11 เดือน
  • สัญญาที่ 21 ใช้เวลา 23 เดือน
  • สัญญาที่ 23 ใช้เวลา 23 เดือน
  • สัญญาที่ 24 ใช้เวลา 4 เดือน
  • สัญญาที่ 34 ใช้เวลา 9 เดือน
  • สัญญาที่ 39 ใช้เวลา 9 เดือน

นอกจากการก่อสร้างงานโยธาแล้ว โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ยังมีงานติดตั้งระบบต่างๆ เช่น ระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง M-Flow ระบบบริหารควบคุมจราจร ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าตามสายทาง ระบบโครงข่ายสื่อสารข้อมูลด้วยใยแก้วนำแสงตลอดเส้นทาง พร้อมทั้งงานอาคารสำนักงาน ศูนย์ควบคุม และองค์ประกอบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ซึ่งกรมทางหลวงได้ทยอยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับเอกชนคู่สัญญา PPP เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 คาดว่าจะสามารถเริ่มทดสอบระบบทยอยเปิดให้บริการบางส่วนในปี 2567 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2568 ต่อไป

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวตอนท้ายว่า ขอขอบคุณ ท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติวงเงินเพิ่ม และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้กำชับ ติดตาม เรื่องนี้มาโดยตลอด ต่อจากนี้กรมทางหลวงจะเดินหน้าเร่งรัดก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยในปลายปี 2566 นี้ ยืนยันว่าการก่อสร้างสัญญาที่ 39 ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างต่ออีก 9 เดือน ที่ อ.ขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา แล้วเสร็จสมบูรณ์แน่นอน จะทำให้ประชาชนสามารถทดลองใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ฟรี ตั้งแต่ อ.ปากช่อง ถึงสุดปลายทางที่ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (สัญญาที่ 40) ยาวต่อเนื่องเป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร ด้วยความสะดวก ปลอดภัย อย่างแน่นอน รวมทั้งทยอยเปิดทดลองใช้งานช่วงอื่นที่แล้วเสร็จในปี 2567 และเปิดใช้งานเต็มรูปแบบตลอดเส้นทางทั้ง 196 กิโลเมตร ในปี 2568

ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ช่วยเติมเต็มโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ และเปิดประตูการค้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยได้อย่างสมบูรณ์เพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย