มอเตอร์เวย์สาย 6 พร้อมเปิดเส้นทางเลี่ยงเมือง 80 กม.ปลายปี 66

กรุงเทพ 11 ก.พ.- กรมทางหลวง มั่นใจเร่งรัดงานก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ยืนยันเปิดให้ประชาชนใช้งานฟรี ช่วงปากช่อง-ทางเลี่ยงเมืองโคราช ระยะทาง 80 กิโลเมตร ปลายปี 2566


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการผยแพร่ข่าวว่าการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช ว่ามีความล่าช้ากว่ากำหนดเดิมมาก และจะก่อสร้างต่อให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนั้น
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน จึงขอชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการก่อสร้างภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่ม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องสรุปดังนี้

โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สาย บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ระยะทาง 196 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดนครราชสีมาประตูสู่ภาคอีสาน ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น บรรเทาความแออัดหนาแน่นของถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพในปัจจุบัน


ในปี 2559 คณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินก่อสร้างงานโยธามอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช รวมทั้งสิ้น 69,970 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 40 สัญญา กรมทางหลวง ได้ทำการออกประกวดราคาทั้ง 40 สัญญา ในช่วงปี 2559-2560 วงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญารวม 59,410 ล้านบาท ต่ำกว่ากรอบวงเงินที่ ครม. อนุมัติ 10,560 ล้านบาท

งานส่วนใหญ่เริ่มลงมือก่อสร้างในปี 2560 ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 24 สัญญา และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 16 สัญญา ซึ่งมีปัญหาอุปสรรคที่จำเป็นต้องแก้ไขแบบก่อสร้าง ทำให้ค่างานเพิ่มขึ้นมากกว่าวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญา โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เร่งรัด กำชับติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดใช้งานมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ตลอดเส้นทางโดยเร็ว โดยเน้นย้ำถึงคุณภาพของงานให้ได้ตามมาตรฐาน ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมภิบาลอย่างเคร่งครัด

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นต้องมีการปรับแก้แบบและเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งโครงการนี้ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2551 แล้วมาก่อสร้างในปี 2560 สภาพพื้นที่จริงได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ต้องแก้ไขปรับปรุงรูปแบบทางวิศวกรรมให้สอดคล้องกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ในปัจจุบัน และต้องปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับโครงสร้างสาธารณูปโภค ข้อกำหนด หรือความจำเป็นของหน่วยงานที่โครงการตัดผ่าน รวมทั้งต้องทำการปรับรูปแบบการก่อสร้าง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ และให้สอดคล้องกับโครงข่ายถนนที่ประชาชนใช้ทางอยู่ในปัจจุบัน


เมื่อต้องมีการปรับรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคดังกล่าว ทำให้เกิดมีค่างานเพิ่มขึ้นมากเกินสัญญาก่อสร้าง ดังนั้นตั้งแต่ปี 2563 กรมทางหลวง จึงได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ รัดกุม เพราะเป็นประเด็นที่ซับซ้อน และเกิดขึ้นตั้งแต่การเริ่มก่อสร้างในปี 2560 จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ทั้งด้านวิศวกรรมงานทาง และโครงสร้างขนาดใหญ่ เพื่อยืนยันความถูกต้อง เหมาะสม ความแข็งแรง ของรูปแบบที่มีการแก้ไข และต้องประหยัดคุ้มค่า โดยมีหน่วยงานภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม อาทิ อาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำ สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่หน้างานจริงทุกสัญญาที่มีประเด็นปัญหา ชุดที่ 2 ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านระเบียบกฎหมาย รวมทั้งการบริหารสัญญา เพื่อให้การดำเนินการต่อ มีความถูกต้อง เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยมีหน่วยงานภายนอกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้ อาทิ อัยการสูงสุด กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง นอกจากนี้กรมทางหลวง ยังได้ทำหนังสือหารือกรมบัญชีกลางอีก 2 ครั้ง เพื่อสอบถาม และขอแนวทางในการดำเนินการตามระเบียบว่าการพัสดุ กรณีที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา เพื่อประโยชน์ทางราชการเป็นที่สุด

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ ในส่วนของค่าก่อสร้างงานโยธาที่ยังไม่ได้ดำเนินการ จำนวน 12 สัญญา วงเงิน 4,970.710 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายในกรอบวงเงินทั้งโครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมที่ได้อนุมัติไว้ เมื่อปี 2559

สำหรับขั้นตอนกระบวนการหลังจากนี้ กรมทางหลวงจะต้องทำการแก้ไขสัญญา ตามวงเงินที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ตั้งแต่การแก้ไขแบบก่อสร้าง การตกลงราคาและเวลาทำการ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ซึ่งกรมทางหลวงจะดำเนินการทุกขั้นตอน อย่างรอบคอบ รัดกุม ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงทำการลงนามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมกับผู้รับจ้าง และเดินหน้าก่อสร้างทันทีในเดือนมีนาคม 2566 โดยคำนึงถึงคุณภาพของงาน การก่อสร้างที่ถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน และหลักการทางวิศวกรรม และมีความปลอดภัยสูงสุดในระหว่างการก่อสร้างเป็นสำคัญ

สำหรับงานทั้ง 12 สัญญา ที่ต้องเดินหน้าต่อ กรมทางหลวงได้พิจารณาวางแผนเร่งรัดการก่อสร้างให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยขอความร่วมมือผู้รับจ้างให้เพิ่มชุดเครื่องจักร คน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มากขึ้น แต่เนื่องจากงานที่เหลือหลายสัญญา เป็นงานก่อสร้างสะพาน และงานโครงสร้างขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณงานมากมีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างนาน เช่น สัญญาที่ 21 สัญญาที่ 22 ในช่วงสระบุรี-ปากช่อง ต้องใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 2 ปี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ให้เสร็จภายในเวลา 6 เดือน ตามที่เป็นข่าว

สรุประยะเวลาการก่อสร้างส่วนที่เหลือ ของแต่ละสัญญา ทั้ง 12 สัญญา ตามแผนงานที่เร่งรัดอย่างเต็มที่ ดังนี้

  • สัญญาที่ 1 ใช้เวลา 22 เดือน
  • สัญญาที่ 2 ใช้เวลา 12 เดือน
  • สัญญาที่ 4 ใช้เวลา 22 เดือน
  • สัญญาที่ 5 ใช้เวลา 9 เดือน
  • สัญญาที่ 18 ใช้เวลา 13 เดือน
  • สัญญาที่ 19 ใช้เวลา 12 เดือน
  • สัญญาที่ 20 ใช้เวลา 11 เดือน
  • สัญญาที่ 21 ใช้เวลา 23 เดือน
  • สัญญาที่ 23 ใช้เวลา 23 เดือน
  • สัญญาที่ 24 ใช้เวลา 4 เดือน
  • สัญญาที่ 34 ใช้เวลา 9 เดือน
  • สัญญาที่ 39 ใช้เวลา 9 เดือน

นอกจากการก่อสร้างงานโยธาแล้ว โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ยังมีงานติดตั้งระบบต่างๆ เช่น ระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง M-Flow ระบบบริหารควบคุมจราจร ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าตามสายทาง ระบบโครงข่ายสื่อสารข้อมูลด้วยใยแก้วนำแสงตลอดเส้นทาง พร้อมทั้งงานอาคารสำนักงาน ศูนย์ควบคุม และองค์ประกอบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ซึ่งกรมทางหลวงได้ทยอยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับเอกชนคู่สัญญา PPP เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 คาดว่าจะสามารถเริ่มทดสอบระบบทยอยเปิดให้บริการบางส่วนในปี 2567 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2568 ต่อไป

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวตอนท้ายว่า ขอขอบคุณ ท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติวงเงินเพิ่ม และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้กำชับ ติดตาม เรื่องนี้มาโดยตลอด ต่อจากนี้กรมทางหลวงจะเดินหน้าเร่งรัดก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยในปลายปี 2566 นี้ ยืนยันว่าการก่อสร้างสัญญาที่ 39 ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างต่ออีก 9 เดือน ที่ อ.ขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา แล้วเสร็จสมบูรณ์แน่นอน จะทำให้ประชาชนสามารถทดลองใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ฟรี ตั้งแต่ อ.ปากช่อง ถึงสุดปลายทางที่ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (สัญญาที่ 40) ยาวต่อเนื่องเป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร ด้วยความสะดวก ปลอดภัย อย่างแน่นอน รวมทั้งทยอยเปิดทดลองใช้งานช่วงอื่นที่แล้วเสร็จในปี 2567 และเปิดใช้งานเต็มรูปแบบตลอดเส้นทางทั้ง 196 กิโลเมตร ในปี 2568

ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ช่วยเติมเต็มโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ และเปิดประตูการค้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยได้อย่างสมบูรณ์เพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]

วิป 2 ฝ่ายโยน “วันนอร์” เคาะวันโหวตนายกฯ

รัฐสภาพ 3 ก.ย.- ไร้ข้อสรุป วิป 2 ฝ่ายโยน “วันนอร์” เคาะวันโหวตเลือกนายกฯ เหตุ “ภูมิธรรม” ยื่นยุบสภา ต้องไม่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ ปัดยื้อเวลา อ้างเดินตามกระบวนการข้อกฎหมาย ยันไทยต้องมี “นายกฯ” แบบสง่างาม-ไร้ครหา นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมวิป 2 ฝ่ายว่า หากมีมติวันนี้ก่อนเวลา 16.30 น. จะสามารถเสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุระเบียบวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ภายในวันที่ 5 กันยายนนี้ แต่เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลเดิม ชี้แจงว่า ขณะนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นเสนอพระราชกฤษฎีกาทูลเกล้าฯ เพื่อยุบสภา และอยู่ในกระบวนการ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ตนจึงขอที่ประชุมว่า อำนาจในการบรรจุระเบียบวาระเป็นของประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยในวันนี้นายวันมูหะมัดนอร์ จะลงจากการทำหน้าที่บนบัลลังก์ในเวลา 16.30 น. โดยตนได้หารือกับประธานสภาฯ ให้ลงจากการทำหน้าที่บนบัลลังก์ก่อน เพื่อที่จะได้เดินทางมาหารือกับวิป 2 […]

“ภท.” เปิดประวัติ-ผลงาน “อนุทิน” แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 32

กทม. 3 ก.ย.- “พรรคภูมิใจไทย” โพสต์ประวัติ-ผลงาน “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย ที่รัฐสภา โดยมีพรรคประชาชนประกาศสนับสนุน พร้อมรายชื่อ สส. 146 คน ร่วมสนับสนุนให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ล่าสุด เพจพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ภาพและประวัตินายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ทันที โดยระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 การศึกษา2527 : โรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ2528 : Worcester Academy, Massachusetts U.S.A.2532 : B.S. in Industrial Engineering, Hofstra […]