รฟท.โต้! เปิดเดินรถทางไกลสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีความพร้อม

กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – การรถไฟฯ แจงประเด็นในโซเชียล กรณีปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถทางไกลมาให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยืนยันสถานีฯ มีความพร้อม และเตรียมระบบการเดินทางเชื่อมต่อไว้ครบครัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องการย้ายการให้บริการขบวนรถไฟทางไกล ของการรถไฟฯ ซึ่งเริ่มให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมานั้น พบว่ามีข้อมูลหลายประเด็นที่มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงขอชี้แจงในประเด็นต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้

ประเด็นแรก กรณีนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่าการเปิดให้บริการรถไฟทางไกล 52 ขบวน ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ขณะที่สถานียังไม่มีความพร้อม


ข้อชี้แจงประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีความพร้อมและเปิดให้บริการแก่ประชาชนมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งบริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง รวมถึงการเปิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะเวลาถึง 447 วัน มีประชาชนเข้าถึงบริการวัคซีนมากถึง 3.5 ล้านคน ดังนั้น การที่ระบุว่าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไม่มีความพร้อมจึงไม่ถูกต้อง เพราะมีผู้เข้าใช้บริการแล้วนับล้านคน

ที่สำคัญสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถให้บริการแก่ ประชาชน ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ทั้งรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นสถานีรถไฟที่ออกแบบเพื่อมวลชน (Universal Design) สะดวกสบาย ปลอดภัย ครอบคลุมทุกคนเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการสร้างให้มีชานชาลาสูง (110 ซม.) สะดวกต่อการขึ้นลงขบวนรถ โดยพื้นชานชาลาอยู่ระดับเดียวกับพื้นรถ

นอกจากนี้ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยังได้เป็นต้นแบบสถานีอัจฉริยะ 5G แห่งแรกในอาเซียน ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยจำนวนมาก อาทิ หุ่นยนต์ต้อนรับ SRT Bot วีลแชร์อัจฉริยะ กล้องวงจรปิดอัจฉริยะดูแลความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังมี บันไดเลื่อน เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ศูนย์อาหาร ที่จอดรถสำหรับคนพิการ ลิฟท์ ห้องสุขาที่ทันสมัย และเพียงพอ รวมถึงมีระบบปรับอากาศของชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร และจุดพักรอ เป็นต้น


ประเด็นที่ 2 การย้ายขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน จากสถานีหัวลำโพงไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นการสร้างภาระ ค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เพราะต้องใช้บริการระบบขนส่งอื่นๆ เพื่อเดินทางมาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

รฟท. ขอชี้แจงว่า สำหรับเหตุผลในการปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทางของขบวนรถไฟทางไกล มาให้บริการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่จะให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบรางของประเทศ โดยเป็นแผนที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีแล้วตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการเมื่อปี 2553 และเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2556 ที่สำคัญอยู่ในช่วงที่นายประภัสร์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ ด้วย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของการรถไฟฯ ในยุคนี้แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในสมัยที่นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2555 ก็ได้มีการสนับสนุนการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อหรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และยังเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการแก้แบบสถานีกลางบางซื่อ แต่เพราะเหตุใดในตอนนี้นายประภัสร์จึงกลับมาคัดค้านไม่ให้เปิดให้บริการรถไฟทางไกลที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นแผนที่วางไว้เดิมตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง

การรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคม ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และได้มีการบูรณาการความร่วมมือ จัดสิ่งอำนวยความสะดวกดูแลการเดินทางของประชาชนระหว่างทั้ง 2 สถานีอยู่แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่าย โดยมีมาตรการช่วยเหลือดูแลผู้โดยสารทั้งรถไฟฟ้า และรถโดยสารสาธารณะฟรี ดังนี้

  1. ผู้ใช้บริการรถโดยสายทางไกล กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว ที่ซื้อตั๋วโดยสาร ลงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่ประสงค์จะลงสถานีหลักสี่ สถานีบางเขน สามารถใช้ตั๋วโดยสารเดิมขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีดอนเมืองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเวลา 1 ปี
  2. ผู้ใช้บริการรถโดยสารเชิงสังคม สามารถใช้ตั๋วโดยสารรถไฟทางไกล ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเวลา 1 ปีเช่นกัน โดยต้องเป็นผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วประเภทตั๋วเดือน ในสถานีหลักสี่ สถานีบางเขน ที่หยุดรถกม.19 ที่หยุดทุ่งสองห้อง และที่หยุดรถกม.11 ที่รถไฟไม่จอดให้บริการ

การรถไฟฯ ยังประสานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถ Shuttle Bus และรถประจำทาง รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรถไฟรายทาง ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีหัวลำโพง เหมือนนั่งรถไฟปกติ โดยให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 2 เส้นทาง ซึ่งผู้โดยสาร สามารถแสดงตั๋วรถไฟต่อพนักงานเก็บค่าโดยสารเมื่อใช้บริการ สามารถขึ้นรถได้ที่ประตู 12 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และป้ายรถเมล์สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ดังนี้

  1. จัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี เส้นทางบนทางด่วน “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” จำนวน 6 คัน ตั้งแต่เวลา 04.30 – 23.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟ ทั้ง 2 แห่ง
  2. จัดเดินรถเฉพาะกิจให้บริการฟรี เส้นทางปกติ “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี สถานีรถไฟยมราช และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) คือ
  • จัดรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 10 คัน โดยมีท่าต้นทาง 2 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
  • จัดเดินรถโดยสาร ตั้งแต่เวลา 04.30 – 00 น. ปล่อยรถคันแรกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 04.30 น. มีความถี่ในการปล่อยรถทุก 15 นาที ในช่วงเวลาเร่งด่วน (04.30 – 10.00 น. และ 16.00 – 18.00 น.) ส่วนช่วงเวลาปกติมีความถี่ในการปล่อยรถทุก 30 นาที ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 19 มกราคม 2566 จัดเดินรถโดยสารตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น.

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง การรถไฟฯ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า โดยปกติขณะที่มีการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกลมายังสถานีหัวลำโพง ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะมีการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะอื่นเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปที่หมายอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเฉพาะการย้ายมาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่ในช่วงเริ่มอาจต้องปรับตัวบ้างเพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับเส้นทางเท่านั้น ซึ่งยืนยันบริเวณโดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีระบบคมนาคมขนส่งที่ครบถ้วนทุกระบบ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถโดยสารสาธารณะ จึงมั่นใจได้ว่าในอนาคต สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะเป็นสถานีปลายทางที่ประชาชนได้รับความสะดวกไม่น้อยกว่าสถานีหัวลำโพงอย่างแน่นอน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย